Collect memo by bon

Saturday, February 25, 2006

ชักใยขังตัวเอง

ระหว่างทางสู่ปลายทาง #18.5 ชักใยขังตัวเอง
โกวเล้งเคยพูดไว้ว่า
" ผู้คนแท้จริงแล้วย่อมไม่แตกต่างไปจากแมงมุม ล้วนชักใยแล้วขังตัวเองอยู่ในนั้น
เป็นเช่นนี้มาแล้วไม่ทราบกี่ชั่วคน แม้กระทั่งบัดนี้..."


"ใช่หรือไม่ ทุกวันนี้ ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยขังตัวเองอยู่ในใยบางชนิด
ที่ผูกมัดรัดล้อมเหนียวแน่นด้ยพลังที่มองไม่เห็น
แล้วอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยประโยคที่ได้ยินจนเจนหู
กระทั่งเรื่องเล็กน้อย อย่าง..

ไม่มีเวลา.

ไม่มีเวลา ใครว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย"


น้องอ้อม น้องสาวจอมซนของนายบอนเขียนข้อความนี้ใส่กระดาษมายื่นให้นายบอน

ปีใหม่ทั้งที แทนที่จะพาน้องไปเที่ยว กลับอ้างว่า ไม่มีเวลา

ทำไมถึงยอมตกเป็นทาสของเวลา
"ไม่มีเวลา" หากต้องการทำลายประโยคนี้จริงๆ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย

แค่ "ตัดใจ" หาช่วงเวลาที่จะปลดปล่อยตัวเองออกจากวงล้อม ผู้คน หน้าที่ในช่วงเวลาปกติเสียบ้าง

อือม อ้อมคงจะซึมซับข้อความใน blog ของ alphabet กะ sazzie
จนสะกิดเตือนนายบอนด้วย กระดาษปลิดความไร้สติซะแล้ว..


นายบอนมองหน้ายัยอ้อมแล้วถอนหายใจดังๆ....

"เออ ก็ได้"

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

21 ธันวาคม 2548 เวลา : 18:57:00 | Comments (3) | Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
5555 งานนี้ศศิเข้าข้างน้องอ้อมเต็มที่เลยค่า..เวลาน่ะมีแน่นอนค่ะ แต่ที่ไม่อยากพาไปเพราะใจมัวพะวงห่วงคนแถวๆระยองรึป่าวเอ่ย อิอิอิ ถ้าไงก็

พาน้องอ้อมไปเที่ยวระยองสิคะ จะได้ยิงปืนทีเดียวได้นกสองตัวไปเลย หุหุหุ ;)))) ปล.ถ้าคุณบอนบอกว่าไปไม่ได้เนี่ย เห็นทีศศิคงต้องติวน้องอ้อมใหม่เกี่ยวกับ

กรรมวิธีการพูดสะกดวิญญาณคุณพี่ชาย อิอิอิ ;pp
โดย sazzie เมื่อ 21 ธันวาคม 2548 เวลา : 20:03

ความคิดเห็นที่ 2
มีเวลลาครับ แต่ไม่รู้เอาไปทำอะไรจนหมด เอิ้กๆๆ
โดย 3ป เมื่อ 21 ธันวาคม 2548 เวลา : 21:36

ความคิดเห็นที่ 3
เวลาของซี มีคนจองหมดแล้ว หุหุ
โดย C เมื่อ 21 ธันวาคม 2548 เวลา : 22:33

ตามรอยตะวัน

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 18 -ตามรอยตะวัน
คงจะมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ร่วมงานกับหลายคนที่แยกย้ายไปอยู่ตามจังหวัดต่างๆ

มองเข้าไปยังทีมงานกองทุนศิษย์เก่าเพื่อน้อง ทั้งคณะกรรมการ, ที่ปรึกษาหลายคน มีทั้งครูอาจารย์ ที่หลายคนเคยเป็นลูกศิษย์ของท่านเหล่านั้นมาก่อน

ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก หลายคนเคยได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่านมาแล้ว และโอกาสดีๆในชีวิตก็มาถึงอีกครั้ง หากลูกศิษย์ได้มีโอกาสร่วมงานกับครูอาจารย์ที่เคยอบรมสั่งสอน

ในอดีต..

ถือเป็นกำไรชีวิตที่มีคุณค่ายิ่ง ที่ลูกศิษย์มีโอกาสได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับครู-อาจารย์กับท่านอีกครั้งหนึ่ง


เช่นเดียวกับดวงตะวันที่ให้แสงสว่างยามเช้า หากเราได้มีโอกาสตามรอยตะวัน ยิ่งจะทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆและความงดงามในโลกใบนี้เพิ่มขึ้น

อ่านประเด็นน่าคิดเหล่านี้ได้ที่ http://www.nongsueng.net/th/ebook/beforekb/index.html

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

21 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:19:00 | Comments (0) | Printable Version

อุณหภูมิ 15 องศา

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 17.5 อุณหภูมิ 15 องศา
ช่วงนี้ ที่กาฬสินธุ์ อุณหภูมิ 15 องศา

แต่ที่เลย นครพนม มุกดาหาร หนาวยิ่งกว่านี้

บรรยากาศยามเช้า หนาวๆ หลายคน ซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ
บางคนตื่นมา มีน้ำอุ่นอาบแบบสบายๆ

บางคนตื่นสายก็ได้ เพราะไม่มีเรียนตอนเช้า

แค่นี้ก็หนาวจับขั้วหัวใจแล้ว ลมหนาวพัดได้ตลอดทั้งคืน

กลัวพ่อแก่ แม่เฒ่าตามหมู่บ้าน จะทนหนาวไม่ไหว


ตอนเช้าๆ กับ อุณหภูมิ 15 องศา
แม้แต่ลิง ในวัดที่มุกดาหาร ยังเกือบหนาวตาย ต้องหนีหนาวเข้าไปในป่า
หลายคนอาจจะไม่นึกถึงบางคน ที่หนาวไม่แพ้ใคร

เณรที่มีเพียงจีวรสีเหลืองที่นุ่งห่มอยู่ทุกวัน
ไม่ได้กันหนาวได้เหมือนเสื้อกันหนาว

มีคนเห็นเณรหนาวสั่นในช่วงเช้า

แต่พระสงฆ์ ไม่ได้แเสดงอาการออกมา เพราะท่านสำรวม สงบนิ่ง

แต่ท่านก็คงจะหนาวไม่แพ้ญาติโยม

แม้แต่ ญาติโยมที่มีอายุไล่เลี่ยกับพระสงฆ์ ยังใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา


มีคนตั้งคำถามกับนายบอนว่า
เห็นข่าวในทีวี มีหลายคนเอาเสื้อกันหนาวไปบริจาคให้ชาวบ้าน

แล้วพระล่ะ...???


!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

20 ธันวาคม 2548 เวลา : 18:56:00 | Comments (4) | Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
คงให้พระผิงไปมั้งคะ......สงสัยเหมือนกันว่าพระมีเสื้อกันหนาวมั้ย
โดย xanax เมื่อ 20 ธันวาคม 2548 เวลา : 20:02

ความคิดเห็นที่ 2
พระห่มจีวรได้นี่คะ หรือไม่ได้???
โดย sazzie เมื่อ 20 ธันวาคม 2548 เวลา : 20:48

ความคิดเห็นที่ 3
พระมีเสื้อกันหนาวได้ครับ ไม่ผิดหรอก /// แต่ส่วนใหญ่จะเห็น ห่มผ้า ผิงแดดครับ โย่วๆ
โดย milo2005 เมื่อ 20 ธันวาคม 2548 เวลา : 21:57

ความคิดเห็นที่ 4
ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลยจริง ๆ ค่ะ // ขอบคุณที่ทำให้ได้นึกถึงนะคะ ^^
โดย alphabet เมื่อ 21 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:51

ไม่ลืมพระคุณ

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 17 - ไม่ลืมพระคุณ
แต่ละช่วงของชีวิต หลายคนต้องล้มลุกคลุกคลาน ลำบากยากเข็ญ บางจังหวะของชีวิต ก็ได้รับน้ำใจไมตรี ได้รับการหยิบยื่นความช่วยเหลือ ทำให้ผ่านช่วง

วิกฤติของชีวิตมาได้

น้ำใจเล็กๆน้อยๆ ทำให้หลายคนได้รับโอกาสในชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้หลายคนเกิดความประทับใจที่ลืมไม่ลง หากมีโอกาสได้กล่าวถึงผู้มีพระคุณหรือได้ทดแทนพระคุณ ย่อมจะทำ

ให้ผู้คนรอบข้าง และผู้ที่รับรู้เรื่องราวชื่นชมในความสำนึกในพระคุณที่ได้รับ

เช่นเดียวกับพระคุณของบ้านเกิด พระคุณของหนองสรวง

หากลูกหลานมีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อถิ่นเกิด ก็ย่อมจะทำให้ผู้ที่รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ ชื่นชมในตัวลูกหลานที่ยังคงรักบ้านเกิดไม่เสื่อมคลาย

อ่านประเด็นน่าคิดเหล่านี้ได้ที่ http://www.nongsueng.net/th/ebook/beforekb/index.html

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

20 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:18:00 | Comments (2) | Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
อยากเห็นทุกพื้นที่ ทุกท้องถิ่นทำแบบที่พวกคุณได้ทำนะคะ :)
โดย sazzie เมื่อ 20 ธันวาคม 2548 เวลา : 21:04

ความคิดเห็นที่ 2
งืมๆ สวัสดียามค่ำครับ ...ไว้ถ้าตั้งตัวได้จะไปทดแทนบ้านเกิดเช่นกันครับ โย่วๆ
โดย milo2005 เมื่อ 20 ธันวาคม 2548 เวลา : 22:17

จุดเริ่มต้นแห่งความหมาย

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 16 - จุดเริ่มต้นแห่งความหมาย

คนหนึ่งคน ชีวิตผ่านอะไรมาหลายอย่าง ทั้งความยากลำบาก การต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรค หากทุกคนรู้จักกันอย่างลึกซึ้ง คนในหนองสรวงย่อมมีความหมายทุก

คน

"ก่อร่าง สร้างฝันที่หนองสรวง" ที่เรียบเรียงขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 จุดเริ่มต้น คือ จุดเริ่มของอำนาจ แสงสุข ร้อยเรียงชีวิตจากวันวานสู่วันนี้ ที่

เป็นการฉายภาพให้ทุกคนได้มองเห็นเส้นทางชีวิตของเขา และเส้นทางชีวิตของหลายๆคนในตำบลหนองสรวง ก็ย่อมมีจุดเริ่มต้นแห่งความหมายที่ต่างกันไป

แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะรู้จุดเริ่มต้นแห่งความหมายของทุกคน เมื่อวันเวลาล่วงเลยไป หากได้มีการร้อยเรียงชีวิตของพี่น้องผองเพื่อน ครู อาจารย์และปราชญ์คนสำคัญไว้บ้าง เมื่อ

ลูกหลานรุ่นต่อไปได้รับรู้ ย่อมภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกหลานชาวหนองสรวง

..ก้าวเดินแรก ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำความสนใจของลูกหลานไปสู่จุดมุ่งหมายที่คนรุ่นนี้ฝันไว้

อ่านประเด็นน่าคิดเหล่านี้ได้ที่ http://www.nongsueng.net/th/ebook/beforekb/index.html

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

19 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:18:00 | Comments (7) | Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
ความทรงจำ และประสบการณ์ดี ๆ เป็นเรื่องราวอันมีค่าที่ส่งต่อให้คนอื่น ๆ ได้ค่ะ
โดย alphabet เมื่อ 19 ธันวาคม 2548 เวลา : 13:14

ความคิดเห็นที่ 2
ดีจังนะครับ ทุกๆ คนรักบ้านเกิดกันทุกคนเลย อย่างนี้ที่หนองสรวงคงจะพัฒนาไปได้ไกลนะคับ และทุกคนก็จะรักกันมากเลยนะครับ
โดย khao_lek เมื่อ 19 ธันวาคม 2548 เวลา : 13:31

ความคิดเห็นที่ 3
โย่วๆๆ สวัสดีครับ
โดย 3ป เมื่อ 19 ธันวาคม 2548 เวลา : 13:55

ความคิดเห็นที่ 4
ดีครับที่มีคนมาร่วมฝันเยอะๆที่หนองสรวง
โดย 3ป เมื่อ 19 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:17

ความคิดเห็นที่ 5
งืมๆ โย่วๆ
โดย milo2005 เมื่อ 19 ธันวาคม 2548 เวลา : 17:37

ความคิดเห็นที่ 6
ก้าวแรกที่ดี มิใช่สู่จุดมุ่งหมายที่ดีเสมอไป...รึป่าว
โดย Candy เมื่อ 19 ธันวาคม 2548 เวลา : 18:09

ความคิดเห็นที่ 7
สนับสนุนค่ะ :))
โดย sazzie เมื่อ 19 ธันวาคม 2548 เวลา : 20:51

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 15

เศร้า

ช้ำลึกถึงทรวงใน ทำไมเธอถึงทิ้งไปได้ลงคอ

อกหักอีกแล้วหนอ....


เห็นข้อความแบบนี้บ่อยๆเหมือนกัน

หลายคน ใช้เวลาทำใจ ใช้เวลาคิดใคร่ครวญ.. นานแสนนาน

มีคนถามว่า "มันสำคัญตรงไหน เดี๋ยวก็ลืม ไปมีคนใหม่ได้ จะเสียเวลาอยู่ทำไม"

"ก็คนมันจริงใจ รักจริงๆนี่นา...
.. ทุ่มเทความจริงใจ สิ่งของและเวลาให้มากมาย...
จะให้ลืมง่ายๆได้อย่างไร......"

"แล้วมันได้อะไรขึ้นมาล่ะ นอกจากนั่งหายใจทิ้งไปวันๆ โตจนป่านนี้แล้ว ไม่มีความคิดที่ดีกว่านี้หรือ"

หนุ่มคนอกหัก....อึ้ง...

"....มัวแต่นั่งเสียดายกับสิ่งสมมุติอยู่ได้...."

"นี่ไม่ใช่จินตนาการนะ ตัวเป็นๆ สุข ทุกข์ ร้อน หนาว อบอุ่น เจ็บ ปวด มีทั้งอารมณ์และความรู้สึก ครบทุกอย่าง"

"เวลาที่เราเดินทาง ในระหว่างทางนี่ ทุกคนย่อมมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทาง....
แล้วจุดหมายปลายทางในเวลานี้ของนายอยู่ที่ไหน...."

" ก็เสียใจ ช้ำใจอยู่ และอยากลืมเธอให้ได้....."

" อ้าว เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ โตจนป่านนี้ เพื่อมานั่งอกหัก นั่งช้ำใจอยู่แบบนี้หรือ....
.. นึกว่าจะมุ่งหน้าตั้งใจเรียน และหาอาชีพการงานที่มั่นคงทำ ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ซะอีก....

.... ก็สมควรแล้ว ที่เธอทิ้งนายไป ..."

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

18 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:17:00 | Comments (8) | Printable Version


ความคิดเห็นที่ 1
นะ สมควรแล้ว ที่เธอจะทิ้งนายไป เหมือนเย็นชาพิกลๆ งั้ยก็ไม่รุ๊ แต่ก็เรื่องจริงเสียด้วยซิ ^^
โดย J เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:12

ความคิดเห็นที่ 2
อย่าไปโดนใครทิ้งแบบนี้ละกัน
โดย บอน sata1msu เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:33

ความคิดเห็นที่ 3
แค่เค้าทิ้งเรานะคะ ไม่ได้ฆ่าเราให้ตายสักหน่อย นานะ ถือว่าโชคดีตั้งเยอะ เพราะเห็นข่าวที่ฆ่ากันตายในมช.แล้วสยองค่ะ อิๆ
โดย kasalong73 เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:56

ความคิดเห็นที่ 4
อยากลืมกลับจำ อยากจำกลับลืม
โดย โกโก้ เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:28

ความคิดเห็นที่ 5
เป็น การทวนคำที่ทำให้ตัวฉันคิด "ก็สมควรแล้ว ที่เธอทิ้งนายไป" และทำให้รู้สึกเหมือนเย็นชา แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องจริง ที่คนๆหนึ่งควรที่จะเข้มแข็งกว่านี้ ด้วยการพยายามสู้และตั้งหลักชีวิตใหม่ ... ที่อ่านนี้ มันเป็นเหมือนนิยายไม่ใช่หรือค่ะ คุณบอน
โดย J เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 19:20

ความคิดเห็นที่ 6
อกหักดีกว่ารักไม่เป็นค่า ;)))
โดย sazzie เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 20:26

ความคิดเห็นที่ 7
อืมมมมมมมมม ใจเย็นครับ .................สุดสัปดาห์หน้า อาจจะได้ไป มมส . ครับ
โดย 3ป เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 21:34

ความคิดเห็นที่ 8
งืม...อกหักซะ จะได้เคย โย่วๆ
โดย milo2005 เมื่อ 19 ธันวาคม 2548 เวลา : 0:03

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 14.5 : ระหว่าง Sazzie - alphabet - xanax

เวลาที่เราได้อ่านอะไรที่เราอยากอ่าน จากคนที่เขียนในสไตล์ที่เราชอบ
ดูเหมือนว่า ช่วงเวลาสั้นๆในแต่ละวัน บนหน้าจอ เป็นช่วงเวลาที่มีค่าจริงๆ

ถึงแม้ว่า ทั้งวันจะปวดหัวกับสารพันเรื่องราวรอบตัวก็ตาม

น้องอ้อม น้องสาวสุดซ่าของนายบอน ปกติเค้าชอบ chat บ่อยๆ
วันนึง พอเห็นนายบอนก้มหน้าก้มตาเขียนมั่ง เปิดอ่าน Mblog มั่ง ก็เดินมาดู
มีความลับอะไรรึเปล่า

เห็นเปิดดูได้ทุกวี่ทุกวัน


สักพักยัยอ้อมเข้ามาอ่าน Mblog บ่อยๆ นายบอนก็เลยถามมั่งว่า ติดใจอะไร
เค้าติดใจ 3 blog คือ Sazzie - alphabet - xanax1

..ฮ่วย นึกว่าจะติดใจ blog ของนายบอนซะอีก 55555

สงสัยครับ เพราะมีหลายคนใน Mblog
ทำไมถึงติดใจ 3 ท่านนี้จัง

"อ้อมว่า พี่ศศิมีหลายอย่างเหมือนกะอ้อม"
โห แค่อ่านจากข้อความนะเนี่ย เกิดความรู้สึกเหมือนกันซะแล้ว

เวลาที่นายบอนอ่านที่คุณศศิเขียน อย่างในวันนี้ "หมายความตามความหมาย"
มาในอารมณ์ที่หลากหลายดี เรียงร้อยอารมณ์ได้เจ๋ง

แต่ยัยอ้อม กลับลื่นไหลไปตามอารมณ์ ไม่รู้ว่าไปเหมือนศศิตรงไหน

เรื่องของสาวๆ เข้าใจยากครับ พยายามที่จะทำความเข้าใจผู้หญิง ก็ยิ่งไม่เข้าใจอยู่ดี


ในตอน "รู้สึก...เหมือนเป็นปลา" "The wedding plan"
ยัยอ้อมเอาเรื่องที่ศศิเขียนมาคุยกะนายบอน

ฟังทีแรกก็งงๆ น้องเรากำลังคิดอะไรอยู่
แต่พอมาเปิดใน Mblog อ๋อ นี่ น้องเราออกอาการ ศศิแฟนคลับเข้าให้แล้ว

เมื่อหลายวันก่อน นายบอนเบลอ พิมพ์ xenox ทั้งๆที่ตัวจริงคือ Xanax
ที่เค้า post จะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ภาพประกอบที่ใช้ โดนใจมากๆ
นายบอนก็ชอบดูภาพแบบนี้ แต่ยัยอ้อม ชอบมากกว่า เพราะเธออารมณ์ศิลปิน
"พึ่เค้าเขียนเรื่องที่มีอะไรให้เก็บไปคิดได้เสมอ" ยัยอ้อมว่ายังงี้

นายบอนก็เห็นด้วยกะยัยอ้อมเค้า เปิด net มา ไม่อ่านไม่ได้แล้วครับสำหรับ blog นี้

เห็นชอบไปที่สยามสแควร์บ่อยๆ คงไม่ติดอาการแปลกๆของวัยรุ่นแถวนั้นนะครับ


สิ่งที่พบเห็นหลายอย่าง
เป็นประเด็นที่ทำให้เกิดข้อคิดดีๆที่ผ่านจากการกลั่นกรองจากก้นบึ้งของเธอ มาให้อ่านบ่อยๆ
ทั้งเรื่องขอทาน ในช่วงที่เดินๆในหลายๆแห่ง และบางความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเสี้ยวเวลา
ก็ผูกโยงไปกับหลายเรื่อง ที่ให้ข้อคิดอย่างเห็นภาพ....

....ดูท่าทางกระเป๋าตังค์จะตุงเกินไป จนต้องไปแถวสยามบ่อยๆ
แบ่งมาให้นายบอนใช้มั่งก็ได้นะครับ อิอิ

และคนสุดท้ายคุณ alphabet ที่"หลงใหลในอักษร"
ถ้าเค้าชอบเพลงหนุ่มบาว-สาวปาน ท่าทางจะคอเดียวกันกะนายบอน

มีหลายข้อความของ alphabet ที่ยัยอ้อม จดไว้ในสมุดบันทึก อาทิ

".มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่กล้าแสดงออก...บางคนก็แสดงออกไม่เป็น...
...ทำให้ความรูสึกดี ๆ ต่าง ๆ ที่ควรมอบให้แก่กันถูกปิดกั้นไว้...
...แต่สิ่งที่ไม่ดี...สิ่งที่ทำร้ายจิตใจกัน...เรากลับแสดงมันออกมาอย่างง่ายดาย..."
13 ธันวาคม 2548 เวลา : 9:00:

..ขอให้ทุกคนมีหัวใจที่กว้างกว่าฟ้า...สวยกว่าดวงดาว...
...เพื่อช่วยกันสร้างโอเอซิส แทนที่ทะเลทรายที่แห้งแล้งบนผืนโลก...
3 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:00:00

ที่จริง ยัยอ้อมจดไว้เยอะแยะ แต่ 2 ข้อความที่ยกมานี้
เธอเอาปากกาเน้นข้อความสีเขียว ตีกรอบ และแรเงา ดูโดดเด่นกว่าอีกหลายๆข้อความ

และที่ยัยอ้อมชอบอ่าน ก็คือ หลายตอนที่เขียนเกี่ยวกับหนังสือ ทั้งความฝันเรื่องห้องสมุด
หรือการหยิบสิ่งดีๆจากที่ได้อ่านเล่า



อิอิ....
นายบอนสงสัยหลายอย่าง

1.ขณะที่ศศิกำลังเขียนข้อความใน Blog ตอนนั้นน่ะ ทำหน้ายังไง
อยากรู้ว่า ทำไมถึงเขียนข้อความออกมาได้ประมาณนี้..

ก่อนตอบ คงต้องวางกระจกไว้ข้างหน้า แล้วเหลือบมองก่อนตอบ


2.ในหลายๆข้อความของ Xanax ก่อนที่จะมา post แต่ละเรื่องเนี่ย
ก่อนหน้านั้น ทานข้าวกะอะไรเอ่ย

สงสัยว่า การเลือกกับข้าว xanax เค้าจะทานอะไร จะสื่อถึงข้อความที่เขียนออกมามั้ยนะ

3.คุณ alphabet ไม่ชอบอ่านหนังสืออะไรมากที่สุด เพราะอะไร
อือม จะคุ้นเคยกับหลายเรื่องที่เค้า post มีทั้งความประทับใจมากมาย
แต่ในมุมกลับ ก็ต้องมีมั่งล่ะ ที่หนังสือประเภทนั้นน่ะ ไม่อยากหยิบมาอ่านเลย

เฮ้อ อยู่ๆ ก็ครึ้มอกครึ้มใจ หยิบมาพาดพิงรวดเดียว 3 รายกันเลย
แต่ยังไม่จบเด้อครับ 3 ท่านและอีกหลายๆท่าน ยังทำให้พาดพิงได้อีกเรื่อยๆ

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

17 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:37:00 | Comments (6) | Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
ตอน นี้กระเป๋าแห้งค่ะคุณบอน 5 5 5// อาหารที่รับประทานคงไม่แตกต่างจากคนอื่นค่ะ อิอิอิ....ทำไมคิดว่าจะรับประทานอะไรผิดสำแดงเหรอคะ หรือว่าคิดว่า เมย์เป็นพวกต๊องส์ เอ่ย 5 5 5
โดย xanax เมื่อ 17 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:05

ความคิดเห็นที่ 2
บางที อาหารทีั่ทาน อาจจะทำให้คิดอะไรออกได้เยอะแยะ ลึกซึ้งโดนใจ สมองแล่นปรู๊ดปราด
โดย บอน sata1msu เมื่อ 17 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:22

ความคิดเห็นที่ 3
ถ้า 3 สาวนี้ตั้งแฟนคลับ.. siesta คงต้องไปต่อคิวกรอกใบสมัครด้วยล่ะค่ะ อิอิ ;-) blog ของคุณบอนก็อ่านเพลินดีค่ะ ชอบทั้งสำนวนเขียนและความช่างคิดของคนเขียน ;-)
โดย siesta เมื่อ 17 ธันวาคม 2548 เวลา : 16:08

ความคิดเห็นที่ 4
ก่อน อื่นต้องฝากสวัสดีน้องอ้อมและขอบคุณมากค่ะที่ติดตามอ่านบล็อกศศิ {^________^} ยิ้มแก้มปริเลยค่ะ อิอิ // เวลาศศิเขียนศศิก็หมั่นส่องกระจกนะคะ อิอิ เพราะจริงๆตัวเองค่อนข้างติดกระจกเลยแหละค่า 555 เขียนไปส่องไป ยิ้มไป (เหมือนคนบ้ามั้ยคะ) อิอิอิ โดยธรรมชาติศศิหน้าดุค่ะ เลยชอบยิ้ม เพราะเวลาไม่ยิ้มคนจะคิดว่าดุและหยิ่ง เดี๋ยวนี้เลยติดยิ้มทุกสถานการณ์ ยิ่งเวลาเขียนเรื่องทะลึ่งๆเนี่ย มีทำตาแบบปิ๊งๆ กับยิ้มมุมปากแบบเลศนัยซ่อนเร้นด้วยค่ะ 555 ;p // ฝากขอบคุณ..คุณ siesta ด้วยนะคะ มีกำลังใจเพิ่มมากมายเลยค่ะ ;)))))) และเห็นด้วยกับคุณ siesta ค่ะว่าบล็อกคุณบอนอ่านเพลินดีด้วยค่ะ...
โดย sazzie เมื่อ 17 ธันวาคม 2548 เวลา : 20:56

ความคิดเห็นที่ 5
โอ๊ย ชมมากๆ จะลอยแล้วเด้อ
โดย บอน sata1msu เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:11

ความคิดเห็นที่ 6
หนังสือ ที่ไม่ชอบอ่านคือหนังสือเรียนค่ะคุณบอน 555 แต่ว่าจำเป็นต้องอ่านเพราะอยากแปลงขี้เลื่อยในหัวให้เป็นสมองค่ะ 5555 ...//ขอบคุณนะคะที่บอกเล่าความในใจจากนักอ่านให้ฟัง...มีกำลังใจเขียนเยอะ เลยค่ะ...ดาวชอบอ่านหนังสือที่มีข้อความคม ๆ ภาษาสวย ๆ ค่ะ อยากเขียนใหสวยและคมแบบนั้นบ้าง...//...เป็นสาวกคนหนึ่งของคาราบาวค่ะ รู้จักกะลูกสาวน้าแอ๊ด อิอิ...//...ช่วงนี้ยุ่ง ๆ นะคะ เดี๋ยวจะแวะมาเขียนเมื่ออ่านหนังสือจบ ^^
โดย alphabet (ยุ่งมากแต่ว่าอยากแวะมา) เมื่อ 18 ธันวาคม 2548 เวลา : 13:28

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 14

"คนเราทุกคนมีความฝัน มีอุดมการณ์ต่างๆมากมาย ถึงแม้ว่า วันนี้เราอาจจะยังไม่มีความพร้อมที่จะทำในสิ่งที่ฝันไว้ แต่หวังไว้ว่า สักวันหนึ่ง เมื่อมีโอกาส เราจะได้ทำในสิ่งที่เราฝันให้เป็นจริง"


ข้อความนี้ ยกมาจากบทนำของ E-book ในเวบไซต์หนองสรวงดอทเนต ครับ

คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่
http://www.nongsueng.net/ebook/beforekb/index.html


นายบอน copy ข้อความในตอนนี้ ให้เพื่อนอ่าน อ่านแล้ว เค้ามีแรงฮึดขึ้นมาทันที
จากที่เคยท้อแท้ คิดว่าตัวเองย่ำแย่....

แต่มีคนที่ย่ำแย่กว่า ยังไม่ท้อแท้ หัดทำหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อโอกาสที่ดีในอนาคต

คนที่เรียนจบระดับปริญญาแท้ๆ กลับเอามือก่ายหน้าผาก

แต่คนที่เรียนจบม.6 จาก กศน. กลับมีความคิด ฮึดสู้ ไม่ท้อถอย
ไม่อยากผิดพลาดเหมือนในอดีต

เจ็บ อาย แล้วจำ

แต่บางคนที่มีโอกาสดีๆในชีวิต ได้เรียนสูงๆ มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี
ทำไม ถึงไม่ค่อยจดจำความผิดพลาดของตัวเองเป็นบทเรียน
ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอยู่เรื่อยๆ

ทั้งเรื่องงาน เรื่องชีวิต และความรัก


ชีวิต เป็นตำราเล่มใหญ่ที่เรียนรู้ไม่มีวันจบจริงๆ


!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

17 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:17:00 | Comments (3) | Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
นั่นนะสิ มิร่าก็เพิ่งรู้ตัวนะคะ ว่าตัวเองเคยทำไรผิดพลาดไว้มั้ง... ไม่ท้อ ไม่ถอย สู้ๆๆ
โดย มิร่าจัง เมื่อ 17 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:45

ความคิดเห็นที่ 2
สู้ไว้ ไม่ถอยเด้อครับ มิร่า จัง ไม่งั้นคนทั้งโลกเสียใจแย่เลย
โดย บอน sata1msu เมื่อ 17 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:54

ความคิดเห็นที่ 3
แต่ บางคนที่มีโอกาสดีๆในชีวิต ได้เรียนสูงๆ มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีทำไม ถึงไม่ค่อยจดจำความผิดพลาดของตัวเองเป็นบทเรียนปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อยู่เรื่อยๆทั้งเรื่องงาน เรื่องชีวิต และความรัก ------> อืม อยากให้แฟนเรามาอ่านข้อความนี้จัง ... เรียนสูงแต่ไม่รู้จักนำเอาประสบการณ์มาใช้ ... ทำให้เราเหนื่อยใจมาก ๆ เห้อ
โดย manasakorn เมื่อ 17 ธันวาคม 2548 เวลา : 17:38

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 13

ตอนที่แล้ว แนะนำ E-book ที่ชื่อ "กว่าจะเป็นหนังสือ ก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวง"

คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่
http://www.nongsueng.net/ebook/beforekb/index.html

ที่จริงแล้ว E-book เล่มที่ว่านี้ เค้าทำในเวอร์ชั่นที่เป็นไฟล์ pdf ที่เปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader ไว้ด้วย
แต่ที่มำในเวอร์ชั่นเวบไซต์ เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น ชาวบ้านที่ใช้ internet หลายคน ยังไม่คุ้นกับการ download และใช้ Acrobat มากนัก

สำหรับงานชิ้นนี้เป็นการลงมือทำหนังสือเล่มแรกในชีวิตของวิรัตน์ คนบ้านโจด

เออ เค้ายังทำออกมาได้ คนอื่นก็น่าจะทำได้มั่งล่ะน่า

เค้าขอ Copy เอาข้อความจาก ระหว่างทางสู่ปลายทาง บางตอนของนายบอนไปลงใน E-book
นายบอนก็อยากลองทำ E-book ที่รวบรวมเอาเรื่องที่เขียนใน Mblog เป็นหนังสือเล่มนึงซะเลย

เดือนที่แล้ว ช่วงที่มีข่าวว่า เวบผู้จัดการออนไลน์ อาจจะถูกปิดเวบ
หลายคนใน Mblog รีบหาบ้านใหม่ คุณ Milo2005 ก็ Copy ข้อความจาก Mblog ไปอยู่ที่บ้านใหม่

เวลาจะอ่านก็ต้องใล่เปิดทีละเรื่องเหมือนเดิม
ใน Mblog ถ้าอยากจะดึงเนื้อหาไปอ่าน ก็ใช้ XML ซึ่งได้มีการแนะนำโปรแกรมและวิธีการดึงข้อความจากเวบ โหลดไปอ่านในเครื่องแล้วล่ะ

แต่ถ้าทำเป็น E-book จัดรูปแบบดีๆ ใส่รูปและแต่ง fonts สวยๆ
ทำเก็บไว้เป้นไฟล์ Acrobat

มันสะดวกครับ สามารถคลิกดาวน์โหลดทีเดียว ก็ได้มาทุกเรื่อง
อยากจะ print มาอ่าน ก็สะดวก เพราะจัดรูปแบบไว้แล้ว ใส่กระดาษพิมพ์ออกมาเลย

บางเรื่องถ้าเจ๋งจริงๆ ก็ส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์ เอาไปตีพิมพ์ขายในร้านหนังสือก็ย่อมได้

ได้ตังค์อีกด้วย


เพื่อนของนายบอนหลายคน เข้ามาอ่าน Mblog มีหลายคนที่เขียน blog แล้ว น่าอ่านมากๆ
พิมพ์เป็นหนังสือขายได้แบบสบายๆเลย

จากข้อความใน Mblog ของแต่ละคน ซึ่งก็จะมีข้อความใหม่ๆเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ
เรื่องเก่าๆ ก็ถูกเก็บไว้ใน mblog อย่างสงบนิ่ง รอวันที่มีคนเปิดย้อนกลับมาอ่านตอนเก่าๆ

เรื่องเก่าๆ คงจะเป็นปลายทางของเรื่องตอนนั้นๆแล้ว

แต่เรื่องเหล่านั้น ที่จริงแล้ว อยู่ระหว่างทาง ที่จะถูกแปรเปลี่ยนไปในรูปแบบอื่นๆได้อีก

เป็น E-book สวยๆ ก็ได้ จนเป็นหนังสือที่ขายดี

ถ้ามีวิธีการที่ทำได้สะดวก
ไม่แน่ ต่อไป แต่ละคนใน Mblog อาจจะมี E-book ที่รวบรวมข้อความเก่าๆของตัวเอง ให้ดาวน์โหลด

เป็นเหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ มีหนังสือให้อ่านไม่รู้จักจบซักทีละนะ


!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

16 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:17:00 | Comments (3) | Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงก็ได้อ่านจนเมาจริง ๆ แน่ ๆ ค่ะ ^^
โดย alphabet เมื่อ 16 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:55

ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าเมาก็เมาตัวอักษร ดีกว่าเมาุสุราแน่นอน
โดย บอน sata1msu เมื่อ 16 ธันวาคม 2548 เวลา : 13:09

ความคิดเห็นที่ 3
น่าสนใจครับ โย่วๆ
โดย milo2005 เมื่อ 16 ธันวาคม 2548 เวลา : 16:15

Friday, February 24, 2006

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 12 หนังสือเล่มแรกในชีวิต

ที่นายบอนเอาเรื่องของหนองสรวงกับกิจกรรมเพื่อสังคมมาเล่าที่นี่
ก็หยิบมาจากเจตนารมณ์ของคุณอำนาจ เค้าแหละครับ ที่อยากจะมีส่วนในการจุดประกายสำนึกรักท้องถิ่น

แนะนำถึงหนังสือก่อร่าง สร้างฝันที่หนองสรวง ที่บันทึกประสบการณ์ทำงานเพื่อสังคมตลอด 8 ปี
และตอนนี้ มีหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ปรากฏในเวบไซต์หนองสรวงครับ

"กว่าจะเป็น หนังสือก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวง"

กล่าวถึงเบื้องหน้า เบื้องหลังของแนวความคิดต่างๆที่เป็นการจุดประกายให้เกิดหนังสือฉบับอ่านฟรีเล่มนี้ขึ้น
ส่วนหนึ่งในโครงการผลิตสื่อสร้างสรรค์ท้องถิ่นจากชมรมร้อยใจฝัน
ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นการบ่มเพาะแนวความคิดที่กำลังเติบโต
และเป็นแนวทางหนึ่งในการค้นคว้าหาความรู้และวิธีการทำงานเพื่อชุมชนบ้านเกิดต่อไป

ตอนแรกที่เห็นหนังสือ E-book เล่มนี้ นายบอนก็งงเหมือนกัน
เค้าทำหนังสือก่อร่าง สร้างฝัน เพื่อหารายได้เข้ากองทุนการศึกษา

แล้วออกหนังสือที่ชื่อคล้ายๆกัน แถมให้อ่านฟรีในเวบไซต์ซะอีก
ใครจะไปเสียเงินซื้อล่ะครับ


E-book เล่มนี้มีเนื้อหาหลักอยู่ 4 ส่วน คือ ถอดรหัสจากหนังสือ, ตามรอย น. เมืองสรวง , 14 ประเด็นที่

น่าคิด และ เจาะใจโครงการในฝัน เป็นเรื่องของการทำหนังสือเล่มแรกในชีวิตของคุณวิรัตน์ คนบ้านโจด
คนที่นิยามตัวเองว่า เป็นคนด้อยโอกาส แต่ก็ขวนขวายหาโอกาส และความรู้ในส่วนนี้

เนื้อหาเริ่มจากการเริ่มทำหนังสือพ็อคเกตบุคส์เล่มนี้ เค้าเริ่มต้นยังไง จับประเด็นตรงไหนมา
พยายามนำเสนอในมุมมองของตัวเอง จากหนังสือต้นแบบที่เขียนออกมาแล้ว

เล่าถึงที่มาของการตั้งนามปากกาของเค้า และในส่วนของ ถอดรหัสจากหนังสือ ในบท "ข้อเขียนจากทีมงาน"
เค้าขอ Copy ข้อความใน Mblog ของนายบอน เอาไปลงใน E-book ของเค้าด้วย

คือ เลือก Copy เอา "ระหว่างทางสู่ปลายทางตอนที่ 5 6 7 8 9 และ 11" รวมไว้ในเล่มด้วย
เขียนไว้ว่า ข้อความจากพี่ๆทีมงาน. แหม อายุเราก็พอๆกัน

นายบอนก็รู้จักพี่ๆทีมงานหนองสรวงเช่นกัน มีโอกาสไปนั่งกินส้มตำด้วย เค้าจ้างพิมพ์งานให้
ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในทีมงาน ชักเขินแฮะ
ทั้งๆที่นายบอนไม่ได้ร่วมทีมงานด้วยเลย

เนื้อหาส่วนอื่นๆ คนเขียนจะตั้งคำถามให้ที่ปรึกษาของเค้าตอบ
มีประเด็นที่น่าสนใจ เช่น

- มีหลักการออกแบบปกหนังสือยังไง
- ทำไมถึงตั้งชื่อหนังสือว่า ก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวง
- ข้อความในปกหนังสือ มีที่มาที่ไปอย่างไร
- แล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับว่า หนังสือเล่มนี้จะต้องมี 36 เขียน 146 หน้า
- มีหลักการนำเสนอภาพประกอบในหนังสือยังไง


สำหรับมือใหม่ที่พึ่งทำหนังสือพ็อคเกตบุคส์เป็นครั้งแรกในชีวิตแล้ว ทำได้ขนาดนี้นี่ ดีทีเดียว
แม้ว่าหลายเรื่อง จะ copy ข้อความจากที่อื่นๆมาแปะไว้ แต่ประเด็นที่นำเสนอ ก็น่าสนใจเหมือนกัน

เนื้อหาในหนังสือ เป็นการให้ความรู้จริงๆ

คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่
http://www.nongsueng.net/ebook/beforekb/index.html
!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

15 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:16:00 | Comments (1) |

Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
โฮ่ ดีครับ มีหลายๆแรงร่วมมือร่วมใจกัน
โดย 3ป เมื่อ 15 ธันวาคม 2548 เวลา : 13:00

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 11 ทำบุญด้วยมือคุณเอง

- ทำบุญด้วยมือคุณเอง

บ่อยเหลือเกินที่จะเห็นซองกฐิน ซองผ้าป่า เอามาเดินแจกแถวๆ บขส.

ได้ยินข่าวบ่อยๆ บางทีก็เป็นแก๊ง ที่ทำมาหากินบนความศรัทธา
ลงทุนพิมพ์ซอง เหมือนงานกฐินของจริงทุกอย่าง แล้วก็มาเดินแจก หาเงินเข้ากระเป๋า

หลายคนก็ทำบุญ ยกมือท่วมหัว ใส่ซอง แล้วสาธุอยู่บ่อยๆ
แต่เป็นการทำบุญ เพื่อให้แก๊งนั้น ดำรงชีวิตอยู่ได้


ที่ตำบลหนองสรวง คุณอำนาจ ที่เป็นแกนนำของคนรุ่นใหม่ในตำบล เค้าทำกองทุนศิษย์เก่าเพื่อน้อง
เค้าคงจะคิดประเด็นเรื่องทำบุญเหมือนกัน
แม้เค้าจะเป็นคนในชนบท แต่วิสัยทัศน์ก็กว้างไกลเหมือน คุณ 3 ป. "ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป" เช่นกัน

เค้าอยากมีเวบไซต์ไว้ทำประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร
พอเปิดเวบ www.nongsueng.net แล้ว

กันยายนที่ผ่านมานี้เอง เค้ารวบรวมเงินจากการทอดผ้าป่า มาจัดซื้อจักรยานเพื่อน้อง 7 คัน

ทำการส่งมอบให้นักเรียนที่ได้รับคัดเลือกในพื้นที่ไปแล้ว

ถ่ายรูป และสแกนหลักฐานการใช้เงิน ทั้งใบเสร็จ บัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักฐานต่างๆลงในเวบไซต์ของเค้า

เพื่อแสดงความโปร่งใส ให้พี่น้องชาวหนองสรวงที่ไปทำงานในจังหวัดต่างๆ เข้ามาตรวจสอบได้
เงินที่พี่น้อง ใส่ซองมา ถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ทุกประการแล้ว

ทึ่งครับ ทั้งๆที่คุณอำนาจ ไม่ค่อยได้ใช้ internet แต่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
ใช้ประโยชน์จากสื่อเป็น

มีแนวคิดมากมาย ก็สร้างพันธมิตร เพื่อนร่วมอุดมการณ์
ขายความฝัน จนเกิดหนังสือก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวง

แสดงความจริงใจออกมา จนเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ทำเวบไซต์ให้
เริ่มจากที่ไม่มีอะไร ตอนนี้ สร้างทุกอย่างขึ้นมาแล้วครับ มีสื่อเป็นของตัวเอง

ในบทหนึ่งในหนังสือของเขา ชื่อ "เติมฮักเติมแฮง ร่วมแรงร่วมใจ"
เขากล่าวถึง 7 ไอเดีย เข้ามาร่วมแรงร่วมใจ เพื่อร่วมสร้างฝัน และเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ก่อร่าง สร้างฝันด้วยกัน

เผื่อว่า คุณอยากจะไปก่อร่าง สร้างฝัน ที่บ้านเกิดของคุณเองบ้าง
7 ไอเดีย มีตั้งแต่ เข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทาง เลือกซื้อสินค้าชุมชน เข้ามาสัมผัสชีวิตชาวหนองสรวงแบบโฮมสเตย์ การบริจาค

การเข้าร่วมเป็นสมาชิกศูนย์เครือข่ายเรียนรู้เพื่อชุมชน การร่วมกิจกรรมสาธาณะกุศลต่างๆ และการนำเนื้อหาในหนังสือ ก่อ

ร่างสร้างฝัน ไปขยายผลในพื้นที่อื่นๆ

อ่านแล้ว ก็นึกถึง คุณ 3ป.
เผื่อวันนึง เค้าจะรวบรวมพรรคพวก กลับมาพัฒนาบ้านเกิด เหมือนคุณอำนาจ

ดูไอเดียบางข้อ เลยสอบถามคุณอำนาจ เพิ่มเติม
เรื่องการทำบุญ

"ถ้าคนอื่นอยากจะร่วมทำบุญ ทำยังไงถึงจะตรวจสอบได้ว่า ทำบุญจริงๆ เพราะทุกอย่างสามารถสร้างหลักฐานหลอกลวงได้

เหมือนพิมพ์ซองกฐินออกมาเรี่ยไร เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง....
.... ที่สแกนลงเวบไซต์ อาจจะไปถ่ายรูปที่อื่น หรือปลอมใบเสร็จมาโชว์ในเวบก็ได้นี่นา..."

ดูจะเป็นข้อกล่าวหาที่แรงเหมือนกัน ทั้งๆที่จริงแล้ว คนที่มีความจริงใจ ลงมือทำจริงๆ ไม่ได้คิดอะไรแบบนี้เลย

แต่อีกหลายคนนี่สิ โดนหลอกมาบ่อยๆ ไม่คิดเผื่อไว้ได้ยังไง

"จริงๆแล้ว อยากให้ผู้ร่วมบริจาคมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ เค้าอาจจะรวบรวมเงินบริจาคมา แล้วจัดการติดต่อกับคนหนองสรวง

เพื่อจะขอบริจาค โดยเค้าคอยติดตาม ตรวจสอบทุกอย่าง จนกว่าเค้าจะแน่ใจ ถ้าใช่ก็บริจาค ถ้า ไม่ชัดเจนก็ระงับเงินบริจาคไว้

ซะก็หมดเรื่อง....."

ถ้าเข้ามาตรวจสอบ ได้เข้ามารู้จักคนในชุมชนมากขึ้น ก็จะได้เพื่อนใหม่ ได้ความจริงใจกลับไปอีกเยอะ นอกจากความสุขใจ

ในการทำบุญ ยังจะได้มิตรภาพ น้ำใจ ความจริงใจจากชาวบ้านติดตัวกลับไปอีกด้วย

นายบอนเอาไปสอบถามต่อ เพราะหลักการฟังดูดี แต่ยังมองภาพไม่ออก นายวิรัตน์เลยช่วยขยายความ
ให้เห็นภาพชัดเจน เลยยกตัวอย่าง ชาว Mblog นี่แหละ


"อย่างในเวบหนองสรวง ที่เค้าบริจาคจักรยาน คันละ 1175 บาท ถ้าจะทำบุญปีใหม่ หรือโอกาสที่สำคัญๆก็น่าจะเหมาะ

อย่างชาว Mblog น่าจะมีโอกาสทำบุญร่วมกันมั่ง อาจจะให้คุณ 3ป. เป็นคนรวบรวมเงินบริจาค เพื่อนคนอื่นๆก็โอน

เงินตามกำลังทรัพย์ คนละ 10 บาท 20 บาท เข้าบัญชีคุณ 3ป. โดยคุณ 3ป เป็นตัวกลาง แล้วเค้าก็ติดต่อคุณอำนาจ

หรือชาวหนองสรวงไว้ก่อน ดูยอดเงินแล้ว ก็มาปรึกษาหารือกันว่า จะบริจาคอะไรดี จะซื้อจักรยานดีมั้ย บางทีอาจจะรู้จักร้าน

ขายที่ซื้อได้ถูกกว่า คันละ 1175 บาท หรือจะบริจาคอย่างอื่นตามงบที่มีก็ย่อมได้..."

" ทีนี้ ตอนที่คุณ 3ป เค้ากลับบ้านที่ห้วยเม็ก กาฬสินธุ์ เค้าก็ไปบริจาคในตอนนั้นแหละ จะพาพ่อแม่เค้าไปด้วยก็ได้ บริจาค

กับมือ ให้เห็นกับตาว่า ถึงมือจริงๆ หลักฐานใบเสร็จต่างๆ ก็ผ่านมือคุณ 3 ป.อยู่แล้ว หรือถ้าไม่มีเวลา คุณ 3ป. ก็โทรไป

แจ้งญาติพี่น้องทางบ้านให้ติดต่อเรื่องต่างๆ และจัดเตรียมอะไรต่างๆให้ พอเค้ากลับบ้าน ก็เดินทางไปมอบของบริจาคให้ ที่

เหลือทางหนองสรวงก็คงจะถ่ายภาพกิจกรรมมานำเสนอในเวบไซต์เองแหละ"


ไอเดียแต่ละคนเข้าท่าเหมือนกันนะครับ ยิ่งสอบถาม ยิ่งได้ประเด็นที่ดีๆมากขึ้น
!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

14 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:53:00 | Comments (2) |

Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
น่าสนใจค่ะ ชวนชาวบล๊อกทำบุญด้วยกัน เกิดชาติหน้าฉันใด จะได้มาเขียนบล๊อกในหมู่บ้านเดียวกันอีก ^^


โดย alphabet เมื่อ 14 ธันวาคม 2548 เวลา : 16:57

ความคิดเห็นที่ 2
ขอสนับสนุนและเห็นด้วยกับความคิดดีๆนี้ค่ะ
โดย นุช เมื่อ 14 ธันวาคม 2548 เวลา : 17:41

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 10

-รักเก่ากับความฝัน

แฟนเก่า ความหลังครั้งเก่าๆ เมื่อนึกถึงวันเวลาเก่าๆ ยังคงสดใสในความทรงจำสำหรับ

หลายคน
ทั้งๆที่ความเป็นจริง ในปัจจุบัน สิ่งที่นึกถึงนั้น มันไม่อาจหวนหลับคืนมาแล้ว

นายวิรัตน์ เพื่อนนายบอนเค้าฝันถึงแฟนเก่าของเค้า เมื่อคืนที่ผ่านมา

เล่าให้ฟังประมาณว่า แฟนเก่าของเค้ามาเข้าฝัน

แฟนเค้าเป็นสาวพยาบาล ที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
รักกันตอนที่เรียนด้วยกัน เค้าคอยดูแลเอาใจใส่ ช่วยทำการบ้าน ช่วยเหลือสาวพยาบาลเต็มที่

เธอเห็นความจริงใจ ก็เลยรักโดยไม่รู้ตัว

แต่วันหนึ่ง เธอเป็นฝ่ายบอกเลิกกับนายวิรัตน์ เพราะเหตุผลที่ว่า "ไม่เหมาะสม"
... สาวพยาบาล ค่อนข้างจะเป็นคนที่ซีเรียสมากๆ

ไม่เครียดได้งัย ทำงานที่ต้องทนรับความกดดันทุกๆวัน พบเจอกับอารมณ์ของคนไข้ ญาติคนไข้ สารพัดรูปแบบ

คนนั้นจะเอาแบบนั้น อีกคนจะเอาแบบนี้ ต้องคอยเอาใจสารพัด
หน้าตาก็ต้องยิ้มเสมอ สำหรับงานบริการผู้ป่วย

ขึ้นเวรตลอด 8 ชั่วโมง เหน็ดเหนื่อยทุกๆวัน ไม่เครียดก็เกินไป

ตอนที่สาวเจ้าบอกเลิกนายวิรัตน์ นายบอนก็ยังงงๆ เพราะเห็นรักกันมากไม่ใช่หรือ
ตอนที่สาวเจ้าบอกเลิก นายวิรัตน์ก็บอกโอเค หน้าตาเฉย ไม่ทักท้วงอะไรสักคำ

เหมือนคนไม่ได้รัก.. ทั้งๆที่ความจริง รักเค้าจะตาย


ทำวางฟอร์มปากแข็ง
และอีก 1 เดือนต่อมา ถึงได้รู้ความจริง ทำไมเค้าถึงบอกเลิก...
เพราะเค้าจะแต่งงานกับคนที่เหมาะสมกับเค้านี่เอง...

วันแต่งงาน นายวิรัตน์ก็ไปร่วมงานกับเค้าหน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หน้าตายิ้มแย้ม ยินดีกับเจ้าสาวด้วย.. แต่ก่อนที่เค้าจะมางาน ก็ออกอาการเหม่อ คงใช้เวลาทำใจพอสมควร

มาร่วมงานทั้งงานช่วงเช้า และงานเลี้ยงที่โรงแรมตอนเย็น
สาวเจ้าก็ทำเฉยๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร นายวิรัตน์ก็เฉยๆ เหมือนกัน

แต่เมื่อเช้า นายวิรัตน์มาเล่าให้ฟังว่า ฝันถึงเธอ
ฝันว่าเธอประสบอุบัติเหตุ นายวิรัตน์ กำลังพาเธอไปส่งโรงพยาบาล

สักพัก ญาติผู้ใหญ่ของเธอก็มารับเธอกลับ เธอก็ออกมาพร้อมกับญาติ ร้องไห้งอแง
พอผ่านหน้านายวิรัตน์ ก็งอแงบอกว่าเค้าช่วยเธอไว้อีกแล้ว


แล้วนายวิรัตน์ก็มาเล่าให้ฟัง...
แหม แต่ก่อน ทำเป็นปากแข็ง นี่แค่ความฝัน ยังติดใจจนเอามาเล่าให้ฟัง

แล้วตอนนี้ เค้ามีเรื่องกลุ้มใจอะไรไหมน้า ไม่รู้ทำไมมาเข้าฝัน แต่ก่อนไม่เคยฝันถึงเลย


สงสัยคงจะคิดถึงเค้าล่ะสิ
แต่คงจะทำอะไรไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา สามีเค้าต้องดูแลอยู่แล้วล่ะ

เฮ้อ ที่สุด เลยต้องหยิบเพลงของศิริพร อำไพพงษ์มาเปิดให้เค้าฟัง

เพลงคึดฮอดแต่กอดไม่ได้

" ...คำถามสุดฮอต ยังคิดฮอดแต่กอดไม่ได้ ทบทวนคำถามทางใจ ยังตอบไม่ได้ก็คือแฟนเขา..."

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

14 ธันวาคม 2548 เวลา : 9:53:00 | Comments (4) |

Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
อืมหน้าชื่นอกตรม..................ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ติดต่อไปรบกวนคุณ

บอนเมลมาที่ cphucphu@yahoo.com ได้ไหมครับ
โดย 3ป เมื่อ 14 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:13

ความคิดเห็นที่ 2
อยาก บอกนะคะว่าผู้หญิงที่จะต้องแต่งงานกับคนที่เราไม่ได้รัก กำลังขื่นขมอยู่สุดๆ ความรู้สึกนี้บอกได้อย่าง

เดียวว่าเข้มแข็งเท่านั้น กับการปรับตัวให้เข้ากับคนที่ไม่ได้รัก แต่อยากบอกคนที่เรารักว่า ยังรักเค้านะ แต่ว่าความรักไม่ได้

หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างของเราสองคน มันมีเหตุผลมากกว่านั้น ถ้าเข้าใจกันและกันคงจะเข้าใจกันบ้าง มันเจ็บปวดนะกับการที่

เรารักใครสักคนแล้วไม่ได้อยู่กับเค้าหรือดูแลเค้าตลอด ชีวิตของเรา เศร้าจัง
โดย kasalong73 เมื่อ 14 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:34

ความคิดเห็นที่ 3
ฝันร้ายจะกลายเป็นดีค่ะ :) ฝันว่าเข้าโรงพยาบาลหรือเจ็บเนื้อเจ็บตัว หมายถึง หมดโรคหมดทุกข์หมด

โศกค่า ;p
โดย sazzie เมื่อ 14 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:00

ความคิดเห็นที่ 4
หลายๆคนก็คงจะเหมือน นายวิรัตน์ค่ะ ปากแข็ง แต่ใจนะอ่อนฮวบฮาบ.... ศักดิ์ศรี และ ฟอร์มที่กิน

ไม่ได้เป็นสาเหตุค่ะ
โดย Candy เมื่อ 14 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:02

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 9

หลังจากที่ตระเวณถ่ายรูปลงกล้องดิจิตอล จนได้ภาพหลากหลาย

และแล้วเวบไซต์ของหนองสรวงก็เปิดตัวขึ้น เชิญทุกท่านเข้าไปชมภาพต่างๆเหล่านั้นได้ครับ

เบื้องหลังการเกิดของเวบไซต์ แต่ก่อนคุณอำนาจ เคยสร้างเวบไซต์ของชมรมอาสาพัฒนาตำบลหนองสรวง
เป็นสื่อกลางเชื่อมโยงเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆ

ไปซื้อ package เวบไซต์ไว้ แล้วไม่ได้ต่อสัญญา จนเวบหายไป เมือต้นปี 2544

พอมาปีนี้ หลังจากที่อำนาจ คุยกับเพื่อนร่วมทาง เพื่อนของเค้าก็ร่วมบริจาค ด้วยเวบไซต์
ควักตั้งจดโดเมนและทำเวบไซต์ให้เลย

http://www.nongsueng.net
ข้อมูลมากมายถูกบรรจุลงในเวบไซต์ทันที ภาพถ่ายร่วมร้อยกว่าภาพ บทความ แผนแม่บทชุมชน จัดการสแกนต้นฉบับใส่ไว้

ในเวบไซต์ให้ผู้สนใจดาวน์โหลดไปศึกษาได้ทันที

และถ้าเปิดเข้าไปในเวบ จะเห็นรูปหน้าปก หนังสือ ก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวง พร้อมรายละเอียดของสารบัญบอกไว้อย่าง

ละเอียด

ตอนนี้มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ เพราะคุณอำนาจ ก็อยู่ที่ชลบุรี การติดต่อประสานงานกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ยังไม่คล่อง

ตัวมากนัก

เวบไซต์ คุณอำนาจเริ่มต้นเรียนรู้ในการดูแล โดยมีเพื่อนของเขาคอยเป็นพี่เลี้ยง และช่วยดูแลให้แบบอาสาสมัคร

แม้ช่วงนี้ จะเป็นช่วงที่เริ่มต้น ก็มีข้อมูลหลายส่วนให้ดูพอสมควร

มีเรื่องราวมากมาย การต่อสู้ฟันฝ่าเกิดขึ้น ซึ่งถูกบันทึกไว้ในหนังสือ ก่อร่าง สร้างฝันแล้ว

คุณอำนาจและเพื่อน ได้ทำเป็นบันทึกไว้ เป็นกรณีศึกษา ปิดราคาขายในเวบไซต์ 125 บาท แต่ขายจริง 100 บาท
ใครอยากได้ก็แจ้งความจำนงค์มาที่ bon_x@yahoo.com นะครับ

แต่เป้าหมายจริงๆ หนังสือนี้ ผลิตเพื่อการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้กัน
และหวังให้มีใครสักคนเข้าใจ เดินเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทาง

ให้มุมมอง แนวคิดกับคุณอำนาจบ้าง

เพราะการบริหารจัดการ การทำงานเพื่อชุมชน ยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร


แรกเริ่ม เนื้อหาในหนังสือตั้งใจไว้ว่า จะใส่ให้ผู้สนใจเปิดอ่านจากเวบไซต์

แต่ได้ใส่ภาพประกอบในเล่ม จนขนาดไฟล์ใหญ่มากๆ หลาย MB เลยพิมพ์เป็นหนังสือ ให้เวียนกันอ่าน

เอาไปถ่ายเอกสารก็สะดวก เผยแพร่แนวคิดได้อีกหลาย Copy

ให้ไปนั่งอ่าน นอนอ่านในห้องนอน กลางทุ่งนา ในห้องน้ำ ได้ทุกที่

ดังนั้น ใครจะเอาไปถ่ายเอกสารอีกกี่ Copy ก็ย่อมได้ เพราะปัจจุบัจเขาไม่ได้คาดหวังผลกำไรจากเล่มนี้อยู่แล้ว


จากหนังสือที่เขาทำ เขาเกิดแนวคิดว่า น่าจะบันทึกเรื่องราว ภูมิปัญญา แนวคิด ประเพณีวัฒนธรรมเก็บไว้ ให้คนรุ่นหลังได้มี

โอกาสเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้บ้าง


ส่วนหนังสือก่อร่าง สร้างฝัน กำลังมองหารูปแบบ ที่จะทำการเผยแพร่ทาง internet ต่อไป ในรูปแบบที่เข้าถึงง่ายๆ
ไม่ต้องเสียเวลา ดาวน์โหลดมากนัก

แต่จะให้นายบอนเอามาเล่าใน Mblog ก็คงไม่ไหว ต้องให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์มาเล่าเองจะดีกว่า

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

13 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:52:00 | Comments (2) |

Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
น่าสนใจค่ะ ศศิชอบหนังสือที่รวบรวมเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น :)
โดย sazzie เมื่อ 13 ธันวาคม 2548 เวลา : 20:51

ความคิดเห็นที่ 2
สนใจอยากทำหนังสือเหมือนกันค่ะ เกี่ยวกับเรื่องราวในท้องถิ่น แต่ความรู้ยังไม่มากพอ ต้องขอเก็บ

ประสบการณ์อีกนิดค่ะ ^^
โดย alphabet เมื่อ 13 ธันวาคม 2548 เวลา : 23:47

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 8

ตอนที่แล้วพูดถึง คุณอำนาจ ทำหนังสือพ๊อคเก๊ตบุคส์ "ก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวง"
เพื่อถ่ายทอดแนวคิด มุมมองต่างๆ แบบให้เวียนกันอ่านในหมู่ชาวหนองสรวง

เก็บไว้เป็นกรณีศึกษาให้รุ่นน้องได้เป็นข้อคิด แนวทางสำหรับรุ่นน้องๆในชุมชนท้องถิ่นต่อไป

โห.. เล่ามาถึง 3 ตอนแล้วนะครับ จากแรงบันดาลใจ ที่อ่าน "ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป" ของ 3ป.
ส่วนแรงบันดาลใจจากการอ่าน blog ของ sazzie , milo, alphabet ..ฯลฯ ค่อยๆเล่ากัน

ต่อๆไป....


3ป. เค้ามี blog ที่บอกเล่า ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป ออกมาเรื่อยๆ
จึงมีแนวคิดที่คุณอำนาจ จะมีช่องทางที่จะนำเสนอมุมมองของเค้าใน internet บ้าง

ทั้งที่เค้าไม่ค่อยใช้ internet นี่แหละครับ....

โอ๊ย โจทย์ยากอีกแล้ว


ข้อมูลของเค้าจะมี แผนแม่บทชุมชน, จุลสารคนรักท้องถิ่น, บทความเพื่อชุมชนอีกหลายชิ้น

เวบไซต์คือทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

เค้าต้องการนำเสนอข้อมูลทั้งหมด เพื่อให้เพื่อนๆ และรุ่นน้องที่ไปทำงานที่ต่างๆ กลับมาพัฒนาบ้านเกิด
เป็นสายใยที่เหนี่ยวรั้งกับบ้านเกิดไว้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ

อยากให้เห็นรูปภาพจากบ้านเกิด ข่าวคราวต่างๆที่น่าสนใจ
กระตุ้นต่อมคิดถึงบ้านให้ทำงานอีกครั้ง.....


ข้อมูลต่างๆ พร้อม ขาดแต่ รูปภาพมุมต่างๆของตำบลหนองสรวง

ขออนุญาตหยิบมาจาก หนังสือ "ก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวง" ซึ่งเล่าถึงการสร้างสื่อจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
อ่านแล้วทึ่งในความพยายามของพวกเค้า

เล่มนี้ คุณอำนาจ บอกให้ส่งให้คุณ 3ป. ฟรีในฐานะคนบ้านเดียวกัน ไม่รู้ว่า ส่งชื่อที่อยู่มาที่ bon_x@yahoo.com

หรือยัง
เดี๋ยวไปเปิดเมล์ดูก่อน ถ้าส่งมาแล้ว นายบอนจะได้ส่งหนังสือไปให้ตามเจตนารมย์ของคุณอำนาจ

เค้าจะสร้างเวบไซต์ และต้องการรูปภาพ มีช่วงหนึ่งคุณอำนาจกลับบ้าน ที่หนองสรวง
เพื่อนคู่คิดของเขา ได้ถือโอกาสไปที่หนองสรวง ในวันที่คุณอำนาจ แสงสุขเป็นไข้ตัวร้อน

แต่ก็ฝืน ขับมอเตอร์ไซต์ข้ามแพ ออกมารับเพื่อน ตระเวณไปเก็บภาพต่างๆในตำบลหนองสรวง

ตั้งแต่แหลมโนนวิเศษ เกาะมหาราช ท่าน้ำแพขนานยนต์ แปลงสาธิตเกษตร ภาพการทอเสื่อ ทอผ้าไหม มเหศักดิ์หลักบ้าน ไป

จนถึงหอยแครงคนจน

ตระเวณขับรถมอเตอร์ไซต์ฝ่าเปลวแดดในวันนั้น ไปเก็บภาพลงกล้องดิจิตอลจนได้ภาพที่หลากหลาย

ตัวร้อนไม่สบาย ยังออกมาตากแดดทั้งวัน หลังจากวันนั้น คงจะนอนซมไปอีกหลายวัน

ด้วยใจและใจจริงๆ

!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

13 ธันวาคม 2548 เวลา : 9:51:00 | Comments (3) |

Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
ง่า โย่วๆ หายไวๆนะครับ
โดย milo2005 เมื่อ 13 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:31

ความคิดเห็นที่ 2
ยังไม่ได้บอกที่อยู่ครับ เอิ้กๆๆๆ เด่วส่งเมล์ไปครับ หายๆวัยๆนะครับ
โดย 3ป เมื่อ 13 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:13

ความคิดเห็นที่ 3
หายป่วยไวๆนะคะ :)) ศศิเริ่มเสียวสันหลังวาบๆอีกรอบแล้วเนี่ย อิอิ ;p
โดย sazzie เมื่อ 13 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:45

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 7

เล่าเรื่องของคุณอำนาจ หลังจากที่นายบอนอ่าน "ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป" ของ คุณ 3ป. จนจุด

ประกายให้นึกถึงความเหมือนที่แตกต่างของ 2 คนนี้แล้ว

ตอนต่อๆไป จะเป็นคิวของใครใน Mblog โปรดติดตามตอนต่อไป

แต่น่าจะเป็นคิวของ Xenox หรือ alphabet หรือ Sazzie ???

แต่เดี๋ยวก่อน

"ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป" เนี่ย ... 3 ป.เค้าถ่ายทอดให้หลายคนได้อ่านใน Mblog
แต่คุณอำนาจ เค้ายังไม่มีช่องทางที่จะถ่ายทอดได้บ่อยๆ เหมือน 3 ป.

มิตรภาพที่ออกแบบได้..

ถ้าตามอ่านที่ 3 ป.ร่ายมาเรื่อยๆ เค้าจะมีความคิดออกมาเรื่อยๆ.
คุณอำนาจก็เหมือนกัน เค้ามีความคิดดีๆในสมองเยอะ แต่ไม่มีสื่อที่จะถ่ายทอด

internet ก็ไม่ค่อยใช้ ไม่งั้น จะให้มาถ่ายทอดใน Mblog ซะเลย....


เมื่อมีโอกาสพบกับคุณอำนาจ และได้คุยถึงความใฝ่ฝันของเค้า... เค้าอยากพัฒนา พลิกฟื้นบ้านเกิด...

"...ตั้งแต่เกิดมาเนี่ย คุณเคยทำอะไรเพื่อถิ่นฐานบ้านเกิดของคุณรึยัง...."

มีแนวความคิดมากมาย ก็สมควรที่จะถูกเผยแพร่ เพื่อเป็นการจุดประกาย และเป็นประโยชน์กับคนอื่น

"อยากจะนำแนวคิด ปรัชญา วัฒนธรรมท้องถิ่น รวมเป็นองค์ความรู้สู่ชุมชน"

นั่นคือ สิ่งที่คุณอำนาจ อยากจะทำ

ตอนนี้เพื่อนร่วมทางของเขา จัดทำหนังสือเล่มเล็กๆเล่มหนึ่ง
"ก่อร่าง สร้างฝันที่หนองสรวง"

ที่ปกเขียนว่า "มิติใหม่แห่งการพัฒนาบ้านเกิดของคนรุ่นใหม่ 8 ปีแห่งความมุ่งมั่น เพื่อสร้างฝันในชุมชน"

สื่อผลงานสร้างสรรค์สำหรับครากหญ้า
บันทึกประสบการณ์อันมีค่า สำหรับการวางรากฐานเพื่อการพัฒนาในอนาคต
รวมทั้งความคิดที่แตกต่าง จากสำนึกรักบ้านเกิดร่วมกัน

เค้าทำเป็นพ็อคเก็ตบุคส์หนา 140 หน้า พิมพ์ออกมาไม่กี่เล่ม แล้วก็เวียนกันอ่าน

ที่หนองสรวง internet ยังเป็นสิ่งที่ไกลตัวชาวบ้านเกินไป
เวลาที่คุณอำนาจเข้าไปเสนอแนวความคิดที่ดีๆ ในการพัฒนาบ้านเกิด เขาจะเข้าไปนั่งคุยกับผู้นำของหมู่บ้าน

คุยเป็นชั่วโมง จนท่านเข้าใจ เห็นด้วย

แต่เวลาที่คุณอำนาจอยู่ที่บ้านเกิด มีจำกัด มาเยี่ยมบ้านไม่นาน ก็ต้องกลับ

กว่าจะทำให้คนในตำบลเข้าใจตัวเขา บุคคลที่จากบ้านเกิดตั้งแต่เด็กๆ แต่อยากจะพัฒนาบ้านเกิด


ใครจะไปเชื่อ ขนาดคนที่อยู่บ้านเกิด ก็พูดแบบนี้บ่อยๆ ตอนหาเสียงเลือกตั้ง อบต. แต่ก็ไม่เห็นทำอะไร

เขาจึงมีสื่อนี้ขึ้น เพื่อเป็นตัวแทนของเขาในการบอกถึงสิ่งต่างๆที่เขาต้องการจะบอกให้ผู้นำชุมชน และเพื่อนร่วมอุดมการณ์

ของเขารับรู้

มีเล่มหนึ่งครับ เขาบอกให้ส่งไปให้ 3ป.
จะได้รู้จักกันไว้ เพราะเล่ม มีผลงาน รูปภาพรายละเอียดต่างๆครบครัน

คุณ 3ป. รับทราบแล้วก็แจ้งชื่อ-ที่อยู่ มาทาง bon_x@yahoo.com นะครับ จะได้ส่งไปให้...ฟรี


ถ้าท่านอื่นอยากได้ ก็สามารถยืมคุณ 3ป.ไปอ่านต่อได้นะครับ เวียนกันอ่านแบบชาวหนองสรวง
แต่ถ้าอยากเก็บสะสมไว้ เป็นกรณีศึกษา ก็แจ้งมาทางเมล์ได้นะครับ

จะได้แจ้งคุณอำนาจ ให้จัดทำเพิ่มตามจำนวนที่ต้องการ


!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

12 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:51:00 | Comments (2) |

Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
โอ้ว เยี่ยมเลยนะครับ เด่วผมติดต่อไป เอิ้กๆๆๆ ผมก็อยากทำเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้ยังเป็นเพียง

ลม...อยู่ ต้องใช้เวลาสักระยะ เอิ้กๆๆ
โดย 3ป เมื่อ 12 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:22

ความคิดเห็นที่ 2
เอ้อ / ขออภัยนะครับ ในบล๊อกนี้ รู้จักแต่ xanax 71 มีคุณ xenox ด้วยรึครับ อิอิอิ
โดย ผู้เฒ่า เมื่อ 12 ธันวาคม 2548 เวลา : 18:36

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 6

- ความคิดที่ไม่น่าจะหล่นหาย

ในชุมชนท้องถิ่น จะมีปราชญ์ชาวบ้านอยู่ในพื้นที่มากมาย
มีความรู้ในพื้นที่อีกมาก ที่กำลังจะสูญหายไปกับกาลเวลาและอายุขัยของปราชญ์ท่านนั้น

"ทำไมหนอ หลายคนที่มีสิ่งที่ดีๆในตัว ทำไมถึงปล่อยให้สิ่งดีๆ สูญหายไปกับกาลเวลา ไม่ว่าจะภูมิปัญญาท้องถิ่น
ประเพณีวัฒนธรรม งานฝีมือ และมรดกต่างๆที่ปู่ย่า ตายายได้คิดเอาไว้"

คุณอำนาจ แห่งหนองสรวง เคยเอ่ยกะนายบอนทำนองนี้

"ไม่อยากจะให้ความคิด และสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้ หล่นหายไปตามกาลเวลา"

แต่คนรุ่นใหม่ ก็ไม่ค่อยจะได้เข้าถึงมรดกเหล่านี้ เพราะสื่อต่างๆในปัจุบัน ทั้งทีวี internet ...
ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับทุกวัน ดูจะมีคุณค่าสำหรับพวกเค้า มากกว่าภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ที่ดูเชยๆไปแล้ว

แต่เมื่อคุณอำนาจ ได้นำเรื่องเหล่านี้ ไปปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ทุกคนเห็นด้วย
เพียงแต่ขอให้มีผู้ที่จุดประกาย และเป็นแกนนำ ทุกคนก็พร้อมที่จะร่วมด้วย

หลายคนก็คิดเหมือนกับคุณอำนาจ

ในตอนที่แล้ว บอกว่า "...ประทับใจเพราะ คุณอำนาจจากบ้านเกิดตั้งแต่เด็กๆ
แทบจะไม่มีความผูกพันกับถิ่นฐานบ้านเกิดเลย แต่ตอนนี้ อยากหวนกลับมาพัฒนาบ้านเกิด..."


ทำไมเค้ามีสำนึกรักบ้านเกิดมากกว่า อีกหลายคนที่ใช้ชีวิตที่บ้านเกิดหลายปี
แต่เมื่อมีโอกาสไปเรียน หรือทำงานที่อื่น กลับไม่คิดหวนคืนบ้านเกิดเลย

ถ้าไปถาม ..."ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป" ของท่าน 3 ป กะท่านอำนาจ
คงได้มุมมองอะไรที่ดีๆเยอะ


แต่มุมหนึ่ง ที่เคยถามคุณอำนาจ
เค้ามองกลับมาที่ตัวเอง

เค้าเคยได้โอกาสที่ดีๆ ได้รับทุนการศึกษา ได้รับการอบรมสั่งสอนจากการบวชเรียนมา 3 ปี
ได้รับน้ำใจทีดีๆจากหลายๆคน ตั้งแต่คุณป้าที่ขายข้าวแกง ที่ให้ทานข้าวเที่ยงฟรีทุกมื้อจนจบชั้น ม.6

ทำให้เขารับรู้คุณค่าของสิ่งที่เขาได้รับ

เขาเกิดสำนึกรักบ้านเกิด...
เมื่ออยากให้รุ่นน้องๆคิดแบบนี้บ้าง .... ก็ต้องให้พวกเขาได้โอกาสดีๆเหมือนกับที่คุณอำนาจเคยได้รับ


คุณอำนาจ เลยประสานกับเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์ ทำ กองทุนศิษย์เก่าเพื่อน้อง ต.หนองสรวง
"หยิบยื่นทุนการศึกษาให้ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงส่วนหนึ่ง เป็นกำลังใจให้ต่อสู้ต่อไป เพื่อให้พวกเขา

สามารถยืนได้ด้วยตัวเองและเอาตัวรอดได้ ....

... เหมือนสอนให้พวกเขารู้วิธีจับปลา เพื่อจะได้ดำรงชีวิตต่อไป . ไม่ใช่หาปลาให้พวกเขา...."

เขาคิดที่จะมีส่วนร่วมในการมอบโอกาสเหล่านี้ ให้กับลูกหลานบ้านเกิด
ให้ได้สัมผัสโอกาสและสร้างโอกาสทีดีในชีวิตด้วยสองมือของลูกหลานแต่ละคนเอง.... อีกครั้ง

ในขณะที่ตัวของคุณอำนาจเอง มีครอบครัวอยู่ที่นครราชสีมา และไปทำงานที่ชลบุรีในช่วงเวลานี้

แต่ก็สามารถทำอะไรเพื่อบ้านเกิดของตัวเองได้ ตามสไตล์ของเขาเอง


!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

11 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:37:00 | Comments (4) |

Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
^^" สวัสดีวันหยุดฮะ
โดย suicide แวะมายิ้ม ^^" เมื่อ 11 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:32

ความคิดเห็นที่ 2
ต่างคนก็ต่างมีทางของตัวเอง บางอย่างก็เป็นไปไม่ได้อย่างที่ใจหวังเนอะ // สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะ ^^
โดย alphabet เมื่อ 11 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:00

ความคิดเห็นที่ 3
โย่วๆๆ เยี่ยมๆ
โดย 3ป เมื่อ 11 ธันวาคม 2548 เวลา : 18:47

ความคิดเห็นที่ 4
ผม ว่าครอบครัวไม่ได้สอนการรักบ้านเกิด หรือว่ารู้จักทดแทนบุญคุณ เหมือนกับคนรุ่นก่อนที่เขาจะบอกให้

ลูกหลานทำและรู้จัก ส่วนตัวคนที่สอนเองก็จะทำเป็นตัวอย่างเสมอนะครับ
โดย khao_lek เมื่อ 12 ธันวาคม 2548 เวลา : 3:32

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 5

- ข้อความเชื่อมใจ มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อได้เข้ามาอ่าน Mblog หลายๆวันเข้า

ติดหนึบเลยครับ
เปิดเข้ามาทีนึง จะมีข้อความใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ อ่านเรื่องแรกเสร็จ ก็ตามด้วยเรื่องต่อไปที่อยู่ถัดลงมา
คนละเรื่อง คนละความรู้สึก

ยิ่งอ่านยิ่งมัน

หลายคน นั่งอ่านซะเพลิน อ่านจนไม่ได้เขียน Comment
แค่ไล่อ่านจนหมดเรื่อง สายตาเหลือบไปเห็นเรื่องต่อไป อุ๊ย น่าอ่านอีกแล้ว

พอนายบอนแนะนำให้เพื่อนๆน้องๆเข้ามาลองดู
ติดหนึบกันไปหมด เข้ามาอ่าน ๆๆๆ ตักตวงความคิด ความรู้สึกต่างๆ

ขนาดนายบอนก็ยังเกิดอาการเดียวกัน....ขอบอก

ตามอ่านมาหลายตอน อ่านสำนวนแล้วคิดถึงใครหลายคน

ไม่ว่าจะ คุณ C, 3ป, Milo, xenox, candy, alphabet.,sazzie.. ฯลฯ


รวมกว่า 20 คนเห็นจะได้...
แล้วค่อยเล่าให้ฟังไปเรื่อยๆว่า คิดถึงใครอะไรแบบไหน


แต่ตอนนี้ เริ่มกันที่คุณ 3ป กันก่อน
ผมนึกถึงพี่อำนาจ แห่ง หนองกุงศรี

บ้านพี่เค้าอยู่ไม่ไกลกับบ้านคุณ 3 ป มากนัก เป็นอำเภอติดกัน.. เผลอๆ อาจจะเคยเจอกันแล้วม้าง...
ประมาณว่า เดินสวนกัน แต่ไม่รู้จักกันเฉยๆ


คุณอำนาจ บ้านอยู่ ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ติดริมเขื่อนลำปาว
ออกจากบ้านตั้งแต่วัยเด็กไปหาประสบการณ์ชีวิตแต่วัยเยาว์
เพราะฐานะทางบ้านยากจน

ช่วง ม.1- ม.3 บวชเรียนเป็นสามเณรที่วัดปฐมเกษาราม อ.กมลาไสย

ได้สัมผัสกับธรรมะมาตั้งแต่ตอนนั้น

ม.4 ออกมาใช้ชีวิตทางโลก เรียนโรงเรียนชายประจำจังหวัด (กพส.)
ต้องพักอยู่ที่วัดใต้โพธิ์ค้ำกับหลงพ่อ อาศัยข้าวกันบาตรเรื่อยมา

ได้รับทุนเรียนดี แต่ยากจนตอน ม.4 เทอมที่ 2 จนจบชั้น ม.6

เป็นคนที่บุคลิกภาพเรียบร้อย สมถะ ตอนเที่ยงก็ไม่มีข้าวจะทาน

บุคลิกของเขาไปโดนใจคุณป้าที่ขายข้าวเที่ยงใน ร.ร. กพส.
ท่านเอ็นดู จึงได้เมตตาให้ข้าวมื้อเที่ยงแก่คุณอำนาจ ทานฟรีทุกมื้อเที่ยงจนจบชั้น ม.6

เขาจะทานข้าวในจานจนไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว
เจอกันในปัจจุบัน ท่านก็จะทานข้าวในจานไม่เหลือ

เมื่อเขาเห็นนักเรียนหลายคน ที่ทานข้าวเหลือ จนพี่ๆคนทำความสะอาดรวบรวมเศษอาหารใส่ถุงได้มากโข

คิดแล้วก็เสียดายข้าว ข้าวที่เหลือเหล่านั้น อาจทำให้หลายคนได้รับโอกาสในชีวิตที่ดีขึ้น

แต่ดูเหมือนว่า คุณอำนาจจะเป็นชนกลุ่มน้อยในโรงเรียน
นี่เป็นโรงเรียนในตัวจังหวัด เพื่อนรุ่นเดียวกัน ก็อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะอันจะกินทั้งนั้น

ทั้งกิน เที่ยว สารพัด
แต่โชคก็ยังเข้าข้าง ที่คุณอำนาจ เจอเพื่อนที่อยู่ในสภาพเดียวกัน
มีนิสัยคล้ายๆกัน ก็เลยรวมกลุ่ม เรียกว่า กลุ่มถุงน้ำแข็ง ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา

กลุ่มนี้ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งตรงกันข้ามกับเพื่อนในวัยเดียวกัน หลายคน

จบ ม.6 ก็ไปทำงานที่อยุธยา เป็นพนักงานโรงแรม เป็นนักข่าว-นักประชาสัมพันธ์ ของ อบจ.อยุธยา
ผ่านประสบการณ์มาหลายอย่าง จนในที่สุด อยากกลับมาพัฒนาบ้านเกิด

เป็นแกนหลักในการรวบรวมเพื่อนๆ และรุ่นน้องในตำบลหนองสรวง รวมตัวกันทำอะไรสักอย่าง เพื่อบ้านเกิด

ประทับใจเพราะ เค้าจากบ้านเกิดตั้งแต่เด็กๆ
แทบจะไม่มีความผูกพันกับถิ่นฐานบ้านเกิดเลย แต่ตอนนี้ อยากหวนกลับมาพัฒนาบ้านเกิด


เคยอ่านข้อเขียนของคุณอำนาจ หลายสำนวนก็เหมือนกับที่อ่าน.....


"ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป"............... ของคุณ 3ป.

ถ้าวันนึง นายบอนนั่งกินส้มตำ ไก่ย่าง ลาบเป็ด แล้วบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม มีคุณ 3 ป. และ คุณอำนาจนั่งอยู่...

นายบอนจะได้กำไรกันเห็นๆ

นายบอนคงจะกินจนพุงกาง ขณะที่ทั้ง 2 ท่านต่างก็แสดง "ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป" อย่างเข้มข้น

ทั้งอิ่มท้อง อิ่มสมอง โอ๊ย กำไรเห็นๆ....


!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

10 ธันวาคม 2548 เวลา : 9:49:00 | Comments (8) |

Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
มีอาการเดียวกันค่ะ ติดหนึบเมื่อได้มาอ่าน 555
โดย alphabet เมื่อ 10 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:09

ความคิดเห็นที่ 2
หนึบๆ ... อ่านเพลินลืมเมนนี่ก็บ่อยครับ ส่วนตาเหลือกเนี้ยประจำ 55555
โดย (...) เมื่อ 10 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:41

ความคิดเห็นที่ 3
เริ่มเกิดอาการเสียวสันหลัง วาบๆ แล้วค่ะ อิอิอิ ;p
โดย sazzie เมื่อ 10 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:02

ความคิดเห็นที่ 4
สิ่งที่คุณบอนเขียน ก็อ่านเพลินชวนให้ติดหนึบเหมือนกันค่ะ ;-)
โดย siesta เมื่อ 10 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:50

ความคิดเห็นที่ 5
อืม...ช่วงไหนแวะมาบ่อย ไม่ค่อยมีคนอัพ...ช่วงไหนชีวิตอาภัพ...ไม่ได้เข้า...โอ้..มาย

มันเยอะจนอ่านไม่ทันเงี้ยล่ะ...
โดย R เมื่อ 10 ธันวาคม 2548 เวลา : 17:28

ความคิดเห็นที่ 6
เอิ้กๆ ๆ เข้ามาตอบครับเพราะโดนพาด พิง ความจริงญาติฝ่ายพ่อผม มีพื้นเพมาจาก อ. หนองกุงสีครับ แต่

ผมไม่ค่อยสนิทเท่าไร เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดญาติฝ่ายแม่มากกว่าที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมากกว่า ..............พี่

ชายคนรองของผมก็เคยไปอาศัยข้าวก้นบาตรกิน ที่วักกลางหลายปีดีดัก ตอนที่เรียนหนังสือ แต่เขาไม่ได้เรียนที่ กพส.

เพราะเรียนสายอาชีพในวิทยาลัยฝั่งตรงข้าม.....................ส่วนผมไม่ ค่อยคุ้นเคยกับตัว

เมืองกาฬสินธิ์เท่าไรครับ นอกจากเกิดที่นั่น เพราะส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตและเรียนที่ขอนแก่นมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ขอนแก่นครับ

................ไม่แน่เหมือนกันว่าผมอาจจะเคยเดินสวนกันกับคุณอำนาจก็ได้ ครับ เอิ้กๆๆๆ ยินดีที่ได้

รู้จักคุณอำนาจครับ
โดย 3ป เมื่อ 10 ธันวาคม 2548 เวลา : 18:30

ความคิดเห็นที่ 7
เห็นด้วยมากๆ ครับ อ่านๆๆๆๆ มากๆๆๆๆ เลยเกิดอารมณ์......อารมณ์อยากเขียน5555
โดย france เมื่อ 10 ธันวาคม 2548 เวลา : 20:20

ความคิดเห็นที่ 8
อิอิอิอิ......ถูกเปลี่ยนชื่อไปซะแล้ววววว นิ ///แต่ก็ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาติดตามอ่าน :)
โดย xanax เมื่อ 11 ธันวาคม 2548 เวลา : 2:05

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 4

- เลือกไม่ถูก

วันนี้ วันที่หนังสือพิมพ์บางคอลัมภ์ชอบเขียนคำว่า "ศุกร์กันเถอะเรา"

วันที่มีนัดกันที่สวนลุมกับ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร
รายการที่น่าจะมีเรตติ้งสูงที่สุดของประเทศไทยตอนนี้ล่ะมั้ง

เพราะหลายฝ่าย ตั้งตาดูแบบไม่กระพริบ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม

ช่วงเย็นๆ นายบอนก็รีบกลับบ้านตามปกติ เหมือนทุกวันในรอบสัปดาห์


ตอน 6 โมงเย็นจะเปิดดูทีวี แน่นอน จะเปิดดู 10 ข่าวเด่น ของ Nation Channel
ที่กาฬสินธุ์ มี "MTเคเบิ้ลทีวี" ที่ตอนนี้โหมโฆษณาว่า มีถึง 60 ช่องให้ดู


ใครมันจะไปดูครบทุกช่องล่ะ มีเยอะๆให้กดรีโมทไปเรื่อยๆล่ะมั้ง
จ่ายรายเดือนๆ ละ 350 บาท เพื่อจะได้กดรีโมทเลือกช่องไปเรื่อยๆ

ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เลือกดูทีวียาก แต่พอมีรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ชักสองจิตสองใจ เลือกไม่ถูก

เมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งที่ 9 -10 ที่เคเบิลทีวีไม่กล้าถ่ายทอด นายบอนเลยรอดูเทปทาง ASTV ที่เอามาฉายซ้ำ


6 โมงเย็น พอดู Nation channel แล้ว ก็จะเปิดช่อง 7 ดูละครเย็น ความบันเทิงราคาถูก

เจอเรื่องเครียดๆมาตลอดวัน ขอพักผ่อนดูละครคลายเครียดมั่ง
ใครจะว่า เน่า...ไม่เน่า ก็แล้วแต่เค้า

ละครเย็น มีเรื่อง ดวงใจและสายน้ำ นายบอนต้องรีบเปิด เพื่อจะได้เห็นหน้า น้องเกรซ มิสทีนไทยแลนด์ 2004
ปกติ จะเห็นแม่คุณเป็นผู้ประกาศรายการของช่อง 7 มาเล่นละคร แหม หน้าตาดูเด๋อๆยังไงชอบกล

แต่น่ารัก ได้แต่แอบรักทางหน้าจอ อิอิ

ก่อน 1 ทุ่ม มีละครฮิต สาวน้อยอ้อนควั่น ที่มีบี มาติกา แสดงทั้งบทขอทาน

ผ่านตลาดสดกาฬสินธุ์ ตลาดโต้รุ้ง ผ่านแถว บขส. แถมอาทิตย์ก่อน ที่เข้า กทม. อยู่ที่สถานีขนส่งหมอชิตตอนเกือบทุ่ม


ไม่ว่าที่ไหนก็เห็นเค้าเปิดดูละคร สาวน้อยอ้อยควั่น
เดินผ่านร้านลาบ ก็ได้ยินเพลงละคร เพลงขอทานที่ขึ้นต้น เอิ่ง เอิง ๆ เอ้ย....
แล้วเห็นน้องบี มาติกาในชุดขอทานมาดเซอร์

หลายคนอาจจะไม่เคยดู แต่หลายคนก็ติดกันหนึบ
นายบอนก็ติดหนึบไปกะเค้าด้วย เพราะชอบบี มาติกา


ช่วงทุ่ม ก็จะกดรีโมทไปดู เก็บตกจากเนชั่น ตอนที่ละครโฆษณา
เมื่อวาน เห็นคุณจอมขวัญ หลาวเพชรไปทำผมทรงใหม่ ผิดหูผิดตา


ดูเด๋อๆบ้างในช่วงแรกๆ แต่ท่าทางเด๋อๆ แบบน้องเกรซ มิสทีนไทยแลนด์ 2004
นั่นคือ น่ารักครับ...

แต่ก่อน นายบอนจะดูรายการคุยคุ้ยข่าว กะเรื่องเล่าเช้านี้
แต่พอดู เก็บตกจากเนชั่น ดู ASTV แล้ว ดูคุณสรยุทธน้อยลงกว่าแต่ก่อน

เพราะข่าวสารทาง Nation channel และ ASTV ดูจะครบถ้วนมากกว่า


ในช่วงวันศุกร์ ตอนที่เมืองไทยรายสัปดาห์ ไม่โดนแบนทางเคเบิ้ลทีวี ก็จะเปิดช่อง ASTV1 ตลอด
ตอนนั้น ไม่มีสาวน้อยอ้อยควั่น

ทีนี้ ถ้าเค้าเลิกแบน ถ่ายทอดรายการเมืองไทยฯ ตามปกติ สงสัยได้กดรีโมทกันตลอดแหงๆ

ช่วงที่เคเบิลทีวีไม่ถ่ายทอด รายการเมืองไทยฯ ครั้งที่ 9-10 นายบอนก็จะรอดูเทปตอน 4 ทุ่ม

ตอน 3 ทุ่ม ก็มีละคร อังกอร์ 2 อีกแล้ว ติดละครอีกแล้ว
ชอบละครสไตล์ อาฉลอง ภักดีวิจิตร โดยเฉพาะ อังกอร์ 2 เนี่ย มันดี

ชอบ พลอย จินดาโชติ ที่เล่นเป็น "กระแต"

เคยเห็นพลอย เล่นบทอื่นก็งั้นๆ แต่พอมาเล่นบทสาวแกร่ง .ชอบครับ เพราะนายบอนชอบผู้หญิงแกร่ง

... แหม เปิดเผยสเป็คสาวในฝันซะแล้ว...


ตั้งแต่มีเมืองไทยรายสัปดาห์ ตอนที่เคเบิ้ลทีวีถ่ายทอด ทำให้นายบอนไม่ได้ดู รายการกบนอกกะลาทางช่อง 9 ซะเลย

ทั้งๆที่แต่ก่อน ชอบดูมากๆ

เพราะดูรายการเมืองไทยฯ จนอิ่มในประเด็นต่างๆ ASTV1 ก็ถ่ายทอดเกินเวลา 20.30 น.
จบรายการ บางทีเปิด ASTV แช่ไว้อีก

ตอนที่เคเบิลทีวีตัดสัญญาณ ก็หงุดหงิดที่โดนปิดหูปิดตา เลยไม่มีอารมณ์ดูกบนอกกะลาซะอีก

เดี๋ยวนี้มีอะไรให้ดูเยอะจริงๆ
ฟรีทีวียังมีช่อง 3 5 7 9 11 ทีวีของไอ เอ๊ย ITV เท่าเดิม (ขออภัยครับ ติดสำนวน ทีวีของไอ ของคุณสนธิมา

ครับ)

มีเคเบิ้ลทีวีให้เลือกอีกตั้ง 50-60 ช่อง
ชอบเปิดดู T-Channel ที่เปิดเพลงลูกทุ่งตลอด ตอนนี้มีดาวรุ่งลูกทุ่งไทยแลนด์ให้ตามลุ้นอีก
มี รักไททีวี มีมิวสิควิดีโอเพลงลูกทุ่งให้ดูตลอด 24 ชั่วโมง

สารคดีก็ชอบดูเหมือนกัน ช่อง EDN .. Edutainment Network ช่วงดึกๆ มีสารคดีซอกแซกไปตาม

ที่ต่างๆของเมืองไทย

อีกช่องที่กดไปดูบ่อยๆ ASTV3 ..... E-san discovery ที่เว้าภาษาอีสานตลอดทุกช่วง
เป็นช่องที่เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอีสาน มีรายการเพลง และรายการคุยข่าว เหมือนเก็บตกจากเนชั่น

แต่คุยข่าว เป็นภาษาอีสาน แหม ม่วนจริงๆ หลายข่าว เนื้อหาก็เคยฟังจากทีวีช่องอื่นมาแล้ว
แต่พอ 2 สาวพิธีกรเอามาเว้าข่าว ฟังแล้วยิ้ม ปนฮา

เพราะคำพูดภาษาอีสาน บวกสำเนียง มันถึงอารมณ์จริงๆเด้อ....


ไม่ว่าจะมีอะไรให้เลือกดูเยอะแยะไปหมด ก็ยินดีที่จะกดรีโมทอยู่ดี
ไปๆมาๆ บันทึกตอนนี้ เป็นการรายงานเรตติ้งรายการทางทีวีไปซะแล้วสิ

ขอไปกดรีโมทหน้าทีวีก่อนนะครับ


!!!!!!!%+/\/\/\/\=(BON48)yXy(0^นายบอน^0)=/\/\/\/\+%!!!!!!!

9 ธันวาคม 2548 เวลา : 16:48:00 | Comments (3) |

Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
หลากฮักหลายรดอี่หลี่ อืม อืม บ้านข่อยมีแต่ซ่องทำมะดา หง่าๆ ยังบ่มีเงินไปต่อเคเบิ้น กับเขา เอิ้กๆๆ
โดย 3ป เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 เวลา : 18:34

ความคิดเห็นที่ 2
แจ๋ว ขนาด อิอิ
โดย milo2005 เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 เวลา : 19:04

ความคิดเห็นที่ 3
;)))
โดย sazzie เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 เวลา : 21:23

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 3

ช่วงนี้ลมหนาว.. ยะเยือกที่กาฬสินธุ์ หนาวจนนายบอนต้องมานั่งผิงแดดช่วงเช้าๆ
บางที่จะนั่งล้อมวงผิงไฟเอาไออุ่น

หนาวแบบนี้ สงสารผู้สูงอายุหลายท่าน ทรมานท่านเหมือนกัน มีข่าวทนหนาวไม่ไหว จนเสียชีวิตอยู่หลายครั้ง

ความหนาว ทำให้หลายคนรู้สึกเหงาๆ
เพื่อนหลายคน มีภาระหน้าที่การงานยุ่งๆๆๆๆ แต่ละวันก็เหน็ดเหนื่อย

เคยคิดว่า อยากจะรวมรุ่น เพื่อนที่เรียนด้วยกัน มาเจอหน้ากันสักครั้ง
รำลึกถึงความหลัง ช่วงเวลาที่ดีๆในวันวาน ก็ได้แค่คิด

แต่ละปี ก็ได้แค่คิด ไม่มีโอกาสมาเจอกันซักที เจอกันก็ทำได้แค่กลุ่มเล็กๆ

แล้วเมื่อไหร่จะถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ล่ะเนี่ย

ใกล้จะปีใหม่ 2549 เข้ามาแล้ว เออ เรื่องรวมรุ่น คงจะได้แค่คิดกระมัง
เพราะแต่ละคนต่างแยกย้ายไปคนละทิศ ตามหน้าที่การงาน

ปีนึง อย่างน้อยน่าจะมีซักวันที่ได้นึกถึงกัน

รำลึกถึงความหลัง ช่วงเวลาที่สดชื่น แจ่มใส มิตรภาพเบ่งบานในวันวาน


มิตรภาพที่ออกแบบได้
เพื่อนเค้าเลยหยิบกระดาษมาเขียนๆๆๆ ความรู้สึกต่างๆ
ถ่ายเอกสารรูปถ่ายของเพื่อน รูปหมู่ รูปเดี่ยว
ลอกข้อความในเฟรนชิปที่โดนใจ แล้วเค้าก็เขียนข้อความเพิ่มเติม

ความรู้สึกที่คิดถึงเพื่อนลงไปเพิ่มเติม

ความรู้สึกในวันวาน ก็ลอกมาใส่ ต่อยอดด้วยความรู้สึกเหงาๆ เมื่อห่างจากเพื่อนในวันนี้

จัดการเย็บเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ
หนังสือทำมือ จากเพื่อนสู่เพื่อน

ทำให้เท่ากับจำนวนเพื่อนในรุ่น

เดินไปที่ไปรษณีย์ ซื้อซอง จ่าหน้าและส่งเมื่อ 30 พ.ย. 2548

อีกสัปดาห์ต่อมา ก็คือวันนี้แหละครับ

หน้าจอมือถือ มีเบอร์ที่คุ้นเคย แต่ไม่เคยโทรมานานหลายปี ปรากฏขึ้นมา

เพื่อนโทรมาทักทาย ขอบคุณ
มิตรภาพในวันวาน เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง กับการลงมือทำอะไรที่ง่ายๆแบบนี้

แต่ในความเป็นจริง นี่เป็นเพียง 1 วันใน 365 วัน ที่เพื่อนๆจะมีเวลาที่คิดถึงกันบ้าง
สัมผัสความจริงใจที่ขาดหายไปตลอด 364 วันที่ผ่านมา

เมื่อถามคนส่ง ถึงแนวคิดการออกแบบของเค้า
นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ต้องการ

วันต่อๆไป ก็คงจะลืมที่จะติดต่อกันอีก เพราะแต่ละคนงานยุ่ง

ก็จะเข้าสู่ 364 วันเหมือนเดิม

ปีหน้า เค้าจะทำอะไรแบบนี้อีก ให้เป็น 1 วันในรอบปี แห่งมิตรภาพที่จะได้คิดถึงกัน


นั่นคือจุดหมายที่เค้าต้องการ
ระหว่างทางสู่ปลายทาง คือ
วันเวลาที่เหินห่าง ทำให้ความคิดถึงในวันเหงาๆ ทำให้ 1 วันของปี เป็นวันที่มีความหมายสำหรับมิตรภาพอันยาวนาน



!!!!!!!%%!!!!!!!

9 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:15:00 | Comments (5) |

Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
"เพื่อน" ห่างไกลแค่ไหน "ต่อติด" ได้เสมอ ;-) สวัสดีวันศุกร์ สุข สุข ค่ะ ;-)
โดย siesta เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:13

ความคิดเห็นที่ 2
ศุกร์กันเถอะเราหรือเปล่าครับเนี่ย
โดย บอน sata1msu เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:46

ความคิดเห็นที่ 3
พยายามเข้าค่า ^_____^
โดย Candy เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 เวลา : 12:36

ความคิดเห็นที่ 4
ปีใหม่นี้คงมีเรื่องเล่าของมิตรภาพอีกยาวแน่ ๆ ค่ะคุณบอน ^^
โดย alphabet เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:45

ความคิดเห็นที่ 5
เคย นะคะ ที่บางวันคิดถึงเพื่อนขึ้นมาจับใจ ลองกริ้งไปหาบ้าง เพื่อนตกใจแย่เลย คำถามผุดขึ้นมาทันใด ว่า

"มีอะไรหรือป่าวเนี่ย สบายดีไหม ให้ช่วยอะไรได้บ้าง" ดูสิคะว่า เพื่อนเข้าใจว่าเราต้องเป็นอะไรแน่เลย ถึงได้โทรไปหา

รู้สึก อิๆๆ ผิดเลย แต่ว่าเราจะรู้ทันทีเลยว่าในเวลาที่เราไม่ติดต่อกับเค้านั้น เค้ารู้สึกเป็นห่วงเราหลายๆ อย่างเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นมีโอกาสก็ติดต่อเพื่อนเราบ้างก็ยังดีค่ะ
โดย beem เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 เวลา : 17:23

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 2

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ งาน ความรัก การก่อสร้าง การอ่านหนังสือ หนี้สิน ทุกอย่างมีจุดหมายปลายทางทั้งนั้น

แต่ในจุดหมายปลางทางเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ที่แต่ละคนได้รับกลับต่างกันไป

อย่างการเดินทางไปทำงาน หรือไปเรียนในที่เดียวกัน ตึกเดียวกัน หลายคนใช้เวลาเดินทางต่างแบบกันไป

บางคนก็ย้ายมาอยู่ใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ตื่นสายได้.....

หากในระหว่างทางเดินทางไปสู่ที่หมายในแต่ละวัน

1.ท่านหยุดดื่มกาแฟก่อนหรือไม่
2.ท่านอยู่กับใครในช่วงเวลาดังกล่าว
3.ท่านสนุกกับมันหรือไม่
4.อาหารอร่อยหรือไม่
5.ท่านเกิดความเข้าใจอะไรใหม่ๆอย่างลึกซึ้งหรือไม่
6.ท่านมีโอกาสได้แสดงความคิดที่สร้างสรรค์หรือไม่
7.ท่านมีโอกาสได้เห็นวิวหรือธรรมชาติที่สวยๆบ้างหรือไม่
8.มีใครชมท่านบ้างหรือไม่
9.ท่านแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งได้บ้างหรือไม่

หากในระหว่างทางของแต่ละวัน ท่านมีโอกาสได้สัมผัสหลายๆอย่าง และมีคำตอบและคำอธิบายในคำถามแต่ละข้อได้ จุดหมาย

ปลายทาง ย่อมมีความหมายมากยิ่งขึ้น

ระหว่างทางที่ว่า ก็เติมสิ่งดีดีให้กับช่องว่างเหล่านั้นได้เช่นกัน...........


!!!!!!!%%!!!!!!!

8 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:01:00 | Comments (5) |

Printable Version
ความคิดเห็นที่ 1
ชอบมาก ๆ ค่ะ...ระหว่างทาง มีอะไรให้เราได้เก็บเกี่ยวเสมอ ^^
โดย alphabet เมื่อ 8 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:39

ความคิดเห็นที่ 2
งืมๆ อืมๆ
โดย milo2005 เมื่อ 8 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:40

ความคิดเห็นที่ 3
โหะ ไม่ใช่แค่หาคำตอบ แต่หาคำอธิบายของคำตอบ
โดย อารมณ์ดี เมื่อ 8 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:53

ความคิดเห็นที่ 4
อ๋อ..มัวแต่อารมณ์เสียกะรถติดละมัง อิอิ
โดย Candy เมื่อ 8 ธันวาคม 2548 เวลา : 11:48

ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณค้าบ
โดย 3ป เมื่อ 8 ธันวาคม 2548 เวลา : 14:30

ระหว่างทางสู่ปลายทาง

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแต่ คนเรานั้น มักจะมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้
หลายคน มุ่งมั่น ทุ่มเท เพื่อไปยังเป้าหมายโดยเร็วที่สุด เพราะไม่อยากเสียเวลาให้มากมายนัก

แต่ในจุดหมายปลายทางเดียวกันของคน 2 คน
คนหนึ่งกลับรู้สึกเฉยๆเมื่อมาถึงจุดหมาย...

แต่อีกคนหนึ่ง เมื่อมาถึงเส้นชัย กลับเป็นสิ่งที่มีความหมายกับเค้ายิ่งนัก
กว่าจะมาถึงจุดนี้ เค้าได้สัมผัสกับหลายสิ่ง
มีประสบการณ์ต่างๆ พบเจอสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ ได้แนวคิดมุมมองเพิ่มขึ้น จากจุดเริ่มจนถึงปลายทาง

ในจุดหมายปลายทางเดียวกัน
คนหนึ่งกลับมีมุมมองที่กว้างขึ้น ในขณะที่อีกคน เหมือนเดิม

ทั้งๆที่เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางเดียวกัน


วันนี้ที่กาฬสินธุ์ (7 ธ.ค. 2548) มีวง "โปงลางสะออน" มาแสดงที่กาฬสินธุ์
ขึ้นป้ายโฆษณาไว้ว่า โปงลางสะออน LIVE IN KALASIN มาหลายสัปดาห์แล้ว

วันนี้ตอนเย็นที่ลานหน้าวัดประชานิยม ทางออกไปสกลนคร แถวๆบ้านของนายบอนนี่เอง
เมื่อวานบนรถโดยสารสายกาฬสินธุ์-ขอนแก่น

ชาวบ้าน 2 คนคุยกันหลายเรื่อง และก็คุยเรื่องโปงลางสะออนด้วยว่า จะไปดูมั้ย
"บ่ดอก เบิ่งวีซีดีจนจำได้เมิดแล่ว จั๊กสิไปเบิ่งหยังอีก บัตรร้อยซาวผุ่น"

แหม เล่นเขียนภาษาอีสานซะเลย คุณ 3ป อ่านแล้วคงเข้าใจไม่ยาก เพราะเป็นคนบ้านเดียวกะนายบอน
แต่คนอื่นคงทำหน้าที่มีเครื่องหมายคำถามอยู่เต็ม


"ไม่หรอก ดูวีซีดีหลายรอบจนจำได้ทุกมุขแล้ว ไม่รู้จะไปดูอีกทำไม บัตรผ่านประตูตั้ง 120 บาท"
แปลความเป็นซับไตเติ้ล ออกมาได้ทำนองนี้แหละครับ

แต่วันนี้ เห็นขึ้นป้ายว่า ราคาบัตรแค่ 60 บาท เท่านั้น

วีซีดีของโปงลางสะออนนี้ ดังจริงๆครับ ขายดีมากๆ แถวกาฬสินธุ์ได้ยินคนพูดถึงมากกว่าวีซีดีของพี่เบิร์ดซะอีก

วงโปงลางสะออน เป็นลูกหลานคนกาฬสินธุ์นี่เอง หลังจากโด่งดังทั่วประเทศ วันนี้พวกเค้าได้มาแสดงที่บ้านเกิดซะที
ในงานแห่ลอยกระทง โฆษกบนเวทีก็ยกตัวอย่างวงโปงลางสะออน
ในประเด็นที่ลูกหลานชาวกาฬสินธุ์ไปสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศ

นายบอนก็ยังดูวีซีดีซะหลายรอบ
ช่วงก่อนหน้านี้ ก็ได้ดูวีซีดีตลกเสียงอีสาน ตอนนี้ออกชุดที่ 12 แล้ว
วีซีดีขายแผ่นละ 159 บาท

ใครซื้อทุกชุด ก็ควักไปแล้วเป็นพันบาท

แต่นายบอนไม่ได้ซื้อวีซีดีก็ได้ดูตลอด ทั้งเสียงอีสานและโปงลางสะออน

ก็บนรถโดยสาร เค้าจะเปิดวีซีดีให้ดูอยู่แล้ว ไม่ว่าจะโปงลางสะออน หรือเสียงอีสาน
ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนที่วีซีดีต้มยำกุ้งวางขาย นายบอนยังไม่มีเวลาไปดูตอนเข้าโรง

ก็มีโอกาสได้นั่งดูบนรถโดยสารจนจบ แถมได้ดูตั้ง 2 รอบ อิ่มไปเลย


ระหว่างทางสู่ปลายทาง บนรถโดยสาร หลายคนอาจจะงีบหลับ
ตื่นอีกที ก็ถึงที่หมายปลายทางซะแล้ว

แต่นายบอนและอีกหลายคน ได้ดูวีซีดีหลายเรื่องเหมือนกัน โดยไม่ต้องซื้อมาดู
!!!!!!!%%!!!!!!!

7 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:14:00 | Comments (6) |

Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
ขะน้อยกะทันไบ่งคือกัน ..................หมอลำหรือโปงลาง มันทำนองม่วนอี่หลี ยาม

ปีใหม่ ยามสงกรานต์ ปดฟัง แล้วนั่งสฉองกับหมู่อยู่ใต้ลางเฮียน ม่วนคั่กๆ
โดย 3ป เมื่อ 7 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:41

ความคิดเห็นที่ 2
เสียดาย มื้อแลงนิเจ้าบ่อยู่เฮือน คะซั่นข่อยซิซวนเจ้ามาเบิ่งคอนเสิด สิได่มามวนนำกัน
โดย บอน เมื่อ 7 ธันวาคม 2548 เวลา : 15:47

ความคิดเห็นที่ 3
ฮ้วยยยยย ..อันหยั้งบะ ฟังบะฮู้เรื่องเลย 55555 แต่เบิ่งแล้วกะม่วนหลายๆ
โดย (...) เมื่อ 7 ธันวาคม 2548 เวลา : 16:10

ความคิดเห็นที่ 4
55555555555555..........บ้านเดียวกันเนอะ
โดย เด็กสมเด็จ เมื่อ 7 ธันวาคม 2548 เวลา : 16:19

ความคิดเห็นที่ 5
พูดอะไรกันเด้อ....นู๋มะเข้าใจเด้อค่า..5555!!
โดย muthita. เมื่อ 7 ธันวาคม 2548 เวลา : 16:34

ความคิดเห็นที่ 6
ผมว่าบัตรแพงจังนะครับ สำหรับ ชาวบ้านต่างจังหวัด แต่ก็ชอบเขา เพราะเขาเอาเอกลักษณ์ไทยๆ มาแสดง
โดย khao_lek เมื่อ 7 ธันวาคม 2548 เวลา : 17:54

Wednesday, February 15, 2006

ภาพน่าสะสม พ.ค.2549




Thursday, February 09, 2006

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 58 หนังสือในโลกมืด

หลายคนโชคดี ที่ได้อ่านหนังสือที่ชอบได้อย่างเต็มที่ ได้อ่านเรื่องราวที่หลากหลาย
แต่ยังมีคนกลุ่มหนึ่ง.. คนตาบอด

มีโอกาสน้อยที่จะได้อ่านหนังสือที่หลากหลายแบบคนทั่วไป
หนังสือที่จะอ่านได้ ก็ต้องเป็นหนังสืออักษรเบลล์เท่านั้น

เนื้อหาก็ยิ่งมีจำกัด
ครูน้อย ศศิพร เพื่อนนายบอนหยิบเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง

ตอนนี้มีนิตยสารเพื่อคนตาบอดราย 3 เดือน เป็นนิตยสารอักษรเบลล์ ชื่อ "มิตรสนิท" ซึ่งออกมา 9 ปีแล้ว

มิตรสนิทเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างโลกมืดกับโลกสว่างเข้าด้วยกัน ซึ่งมิตรสนิท ได้จัดพิมพ์และแจกจ่ายให้กับคนตาบอดทั่วประเทศ ซึ่งจัดพิมพ์โดยทางห้องสมุดคอฟิล (ไม่รู้ว่าสะกดถูกหรือเปล่า)

มิตรสนิทเป็นเหมือนสนามของนักเขียนสมัครเล่น โดยรับเรื่องราวต่างๆมาลงตีพิมพ์ เพื่อเผยแพร่ให้สำหรับคนตาบอด

นายบอนเคยเห็นหนังสืออักษรเบลล์ในทีวี ที่คนตาบอดเอามือสัมผัส ท่าทางจะพิมพ์ยากเหมือนกันนะ

การทำหนังสือสำหรับคนตาบอด ครูน้อยบอกว่า เค้าพิมพ์ตัวอักษรลงบนเพลท ที่เป็นแผ่นสังกะสี จะมีเข็มพิมพ์ซึ่งจะพิมพ์รหัสอักษรลงแผ่นสังกะสี ตามเนื้อหา พิมพ์ไปเรื่อยๆ จนเสร็จ

หลังจากนั้นจะมีการตรวจหาคำผิด แล้วทำการแก้ไข โดยใช้เข็มพิมพ์ตีลงไปที่ตัวอักษรตัวนั้น แก้ไขให้ถูกต้อง

หลังจากนั้น ก็เอาแผ่นสังกะสี เป็นแม่พิมพ์ ไปพิมพ์ลงในกระดาษ แล้วเข้าเล่มแจกจ่ายไปทั่วประเทศ

นิตยสารมิตรสนิท ทำให้คนตาบอดได้อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาใหม่ๆ ได้อรรถรสหลากหลาย นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตในโลกมืดของพวกเขา

ให้พวกเขาได้รับรู้เรื่องราวของโลกกว้างเหมือนคนปกติในสังคม ได้สัมผัสแง่มุมที่หลากหลาย ลึกซึ้งยิ่งขึ้น


"ตอนที่คนตาบอดได้มิตรสนิทมา เค้าจะรีบเปิดอ่านทันที เอามือลูบไปตามบรรทัดต่างๆ ดูท่าทางมีความสุขหลังจากที่รอมาถึง 3 เดือนถึงจะได้อ่าน มิตรสนิทที่เฝ้ารอมาหลายสัปดาห์"

หลังจากที่นายบอน save บันทึกใน mblog ส่งให้ครูน้อย
เธอก็เอาไปนั่งอ่านให้คนตาบอดฟังด้วย

ขณะที่เธอกำลังอ่านเรื่องราวต่างๆให้คนตาบอดที่อยู่ใกล้ๆบ้านพักของเธอฟัง
คนตาบอดได้เอื้อมมือมาจับมือเธอในขณะที่เธอกำลังอ่านข้อความด้วยน้ำเสียงที่แสดงความรู้สึกตามเนื้อหาที่ถูกถ่ายทอดออกมา

ดูเหมือนว่า มือที่เอื้อมมาจับนั้น เหมือนการซึมซับความรู้สึกในช่วงเวลานั้น กับการจินตนาการตามเนื้อหาที่ได้ยิน

ถึงแม้ว่า คนตาบอดจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพต่างๆ ตามเนื้อหาที่ถูกถ่ายทอดออกมาเลย

ถึงแม้ว่า ครูน้อยจะต้องเสียสละเวลาส่วนตัวไปช่วงหนึ่ง
แต่เธอก็มีความสุขกับภารกิจเล็กๆ ชิ้นนี้
แม้สิ่งตอบแทนที่ได้ จะเป็นเพียงแค่ มือที่เอื้อมมาจับในขณะที่เธอถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆในช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม.....


!!!!!%+/\/\=(0^นายบอน^0) yXy (bonbio21@hotmail.com)=/\/\+%!!!!!

7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 9:22:00 | Comments (5) | Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
ชื่น ชมคุณครูน้อย ศศิพรมากค่ะ มีน้ำใจและจิตวิญญาณความเป็นครูเปี่ยมล้นจริงๆ // ขอบคุณคุณบอนสำหรับรายละเอียดการทำหนังสืออักษรเบลล์ด้วยนะคะ วันนี้ได้ความรู้จากเรื่องนี้หลายอย่างเลยค่ะ // hv nice day ค่ะ ;))
โดย sazzie เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 10:39

ความคิดเห็นที่ 2
เคยนึกอยากไปอ่านหนังสือใส่เทป ไว้ให้คนตาบอดฟัง ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังมีโครงการแบบนี้อีกหรือเปล่า ?
โดย thanasakm เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 11:03

ความคิดเห็นที่ 3
สวัสดี ค่ะคุณบอน....เมื่อไม่นานมานี้ดาวไปอ่านหนังสือที่สมาคมคนตาบอดค่ะ...ไปอ่าน ในห้องบันทึกเสียงอัดใส่เทปไว้ให้เค้าได้ฟังกัน...ตอนนั้นอ่านเฉลยข้อสอบของ ม. รามคำแหง ค่ะ...อ่านให้เค้าฟังเราก็ได้ความรู้ไปด้วยนะคะ...มีความสุขดีค่ะ...เร็ว ๆ นี้ก็ว่าจะไปอ่านอัดเทปไว้อีก...ไปด้วยกันไหมคะ ^^
โดย alphabet เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 12:34

ความคิดเห็นที่ 4
ชื่นชม และประทับใจค่ะ ;-) คุณดาว.. สมาคมคนตาบอดอยู่ที่ไหนเอ่ย...อยากอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟังเหมือนกัน ต้องทำยังไงบ้างอ่ะคะ ;-)
โดย siesta เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 22:39

ความคิดเห็นที่ 5
วาวว น่ารักมากครับ
โดย milo2005 เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 23:25

Sunday, February 05, 2006

จาก blog มาสู่ E-book เพื่อการเรียนรู้











มีของหลายสิ่งที่เจ้าของมองว่า มันไม่มีคุณค่า อาจจะเป็นเพียงได้แค่ของที่สะสม ที่มีคุณค่าทางจิตใจเท่านั้น


และอาจคิดว่า คงไม่มีประโยชน์อื่นใดอีกแล้ว

ทำให้เราได้เห็นสิ่งของหลายอย่าง ที่เจ้าของเก็บไว้ในตู้ให้ฝุ่น และหยากไย่เกาะจับไปเรื่อยๆ และปล่อยให้สิ่งของเหล่านั้น หมองคล้ำหรือเก่าลงไปตามวันเวลาที่ผ่านเลย



เช่นเดียวกับการเขียนบันทึกใน weblog ที่หลายคนมักจะบันทึกความคิด ความรู้สึกต่างๆออกมา และตั้งธงไว้ในใจว่า เป็นความคิดเห็นและมุมมองส่วนตัว บันทึกเรื่องราวต่างๆตามที่อยากจะเขียน คงไม่มีประโยชน์มากนัก



มีของเก่าหลายชิ้น ที่คนรับซื้อของเก่า นำไปขายต่อ จนสิ่งของชิ้นนั้นถูกแปรสภาพกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นได้อีก แม้แต่ขยะ ยังสามารถ recycle นำมาใช้ประโยชน์ได้ แล้วตัวหนังสือที่บันทึกใน weblog ที่หลายคนมองข้ามไปว่า จะมีประโยชน์อีกหรือไม่ ก็สามารถที่จะนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน



ข้อคิดและมุมมองของแต่ละคน มีคุณค่ามากกว่าขยะที่ถูกโยนทิ้งมากนัก เพราะได้กลั่นกรองออกมาจากมันสมองของแต่ละคน แล้วจะมาตีค่าให้มันด้อยกว่าขยะที่ถูกนำกลับมาแปรสภาพได้อย่างไร




จากบันทึกในเวบ บล๊อก หรือบันทึกประจำวัน หรือไดอารี่ แล้วแต่ใครจะเรียก แต่ที่นี่ ถูกเรียกว่า mblog ในเวบไซต์ของผู้จัดการออนไลน์ ที่ http://weblog.manager.co.th อีกหนึ่งชุมชนในสังคมไซเบอร์ที่มีเรื่องราวบันทึกไว้มากมาย หลากหลายในแต่ละวัน มีเนื้อหาที่ถูกถ่ายทอดตามแนวคิด ประสบการณ์ วิถีชีวิตของเจ้าของบันทึกแต่ละคน ตามวัยวุฒิ และวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป



แต่ละวันจะมีเรื่องใหม่ๆให้ติดตามอ่านอย่างหลากหลาย หลายคนมีแฟนประจำที่มีผู้ติดตามอ่าน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอยู่ตลอด เกิดความผูกพันกลายเป็นมิตรภาพที่สวยงามในโลกไซเบอร์อีกแห่งหนึ่ง



ในแต่ละวันจะมีเรื่องราวที่ถูกบันทึกมากมาย เรื่องเก่าๆก็จะถูกเก็บไว้ตามวันเวลาที่ผ่านไป รอให้ผู้สนใจคลิกกลับไปเปิดอ่านได้ตามความต้องการได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่บางท่านได้เขียนบันทึกมาเป็นเวลานานหลายเดือน จึงมีปริมาณของบทความ และบันทึกต่างๆสะสมไว้มากมาย



การที่จะย้อนกลับไปอ่านบันทึกเก่าๆย่อมไม่สะดวกสำหรับบางท่านที่ไม่ชำนาญในการใช้เวบไซต์แห่งนี้มากนัก ทำให้เกิดมุมมองใหม่ที่จะนำบันทึกเก่าๆมาใช้เพื่อการเรียนรู้ ตามแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต


เรียนรู้จากสิ่งที่ถูกเรียกว่า เป็นของเก่านี่เอง




หลังจากที่มีการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนกันในระหว่าง mblog ต่างๆ ที่ชาว mblog เรียกที่นี่ว่า หมู่บ้าน mblog หมู่บ้านแห่งมิตรภาพ มีผู้จุดประกายในการนำบันทึกเก่าๆมาจัดทำเป็น E-book หรือหนังสืออิเล็คทรอนิค ที่เปิดอ่านในคอมพิวเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง



การอ่านเอกสารในแบบออนไลน์ ผู้อ่านจะต้องเข้าไปเปิดอ่านในเวบไซต์ และคลิกตามลิงค์ที่เชื่อมโยงบันทึกเก่าๆในแต่ละวัน ซึ่งใน mblog ได้จัดทำไว้ในรูปแบบของปฏิทิน ให้เลือกคลิกอ่านไปตามวันเวลาที่ต้องการ



แต่การนำมาจัดทำเป็น E-book ผู้สนใจสามารถเปิดอ่านได้ในแบบ ออฟไลน์ โดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เนต เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์ ก็สามารถที่จะเปิดอ่านได้ทุกที่ และที่สำคัญคือ สามารถที่จะเห็นหัวข้อของบันทึกทั้งหมด จากหน้าสารบัญที่ได้จัดทำไว้ และสามารถเลือกเรื่องที่อยากอ่านได้ทันที



ในเวบไซต์นั้น จะมีเรื่องราวหลากหลาย หลายครั้งที่ผู้อ่านเปิดอ่านแล้ว เปิดพบกับหัวข้อเรื่องที่ตัวเองไม่สนใจ จึงตัดสินตามสิ่งที่พบว่า เวบนั้น ไม่มีเนื้อหาที่ตนเองอยากจะอ่าน จึงมองข้ามเวบนั้นไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว เนื้อหาที่ตรงกับใจของท่าน อาจจะซุกซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ที่ท่านยังเปิดเข้าไปไม่ถึง จึงพลาดที่จะได้อ่านสิ่งที่ท่านอยากจะอ่านไปอย่างน่าเสียดาย




และ E-book เพื่อการเรียนรู้นี้จึงเกิดขึ้น จากการรวบรวมเนื้อหาที่บันทึกในบล็อคของ cphucphu1, sazzie, alphabet แบะ nataya กับบันทึกมุมมอง และประสบการณ์ที่แตกต่างกัน สอดแทรกมุมมองของชีวิต สาระและข้อคิดต่างๆที่น่าสนใจ



บันทึกต่างๆได้ถูก save ข้อความและนำมาจัดรูปแบบใน Microsoft Word ตามรูปแบบหนังสือที่ได้อ่านทั่วไป มีทั้งหน้าปก สารบัญ และเนื้อหาต่างๆ และทำการแปลงไฟล์ให้อยู่ในรูปแบบของไฟล์ Acrobat เพื่อให้รูปแบบที่จัดไว้ในแต่ละหน้า สามารถเปิดดูได้จากคอมพิวเตอร์ทุกๆเครื่อง โดยไม่ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับที่ได้จัดไว้




E-book แต่ละเรื่องนั้น มีจำนวนบทความ และหัวข้อต่างๆเกิน 100 หัวข้อขึ้นไป มีจำนวนหน้าเกิน 200 หน้า โดย


- ของ alphabet หลงไหลในอักษร จำนวน 256 หน้า ขนาดไฟล์ 1.12 MB
- ของ sazzie ไม่ได้เจ็บปวดแต่เสียใจ จำนวน 434 หน้า ขนาดไฟล์ 1.5 MB
- ของ nataya น้ำใจยังอยู่ สู้ภัยสึนามิ จำนวน 325 หน้า ขนาดไฟล์ 1.6 MB
- ของ cphucphu ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป จำนวน 560 หน้า ขนาดไฟล์ 11.1 MB



ซึ่งผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดไฟล์ไปอ่านได้เลย และสามารถพิมพ์ออกมาอ่านบนกระดาษได้ตามความต้องการ



บางท่านอาจจะตั้งข้อสงสัยว่า การทำเช่นนี้ เหมาะสมหรือไม่

ที่จริงแล้ว E-book ที่เห็นนี้ เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งในการเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น ซึ่งผู้สนใจสามารถตามเข้าไปอ่านบันทึกต่างๆในเวบไซต์ได้เลย ซึ่งได้บันทึกรายละเอียดไว้ใน E-book ที่จัดทำไว้นี้แล้วเช่นกัน ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้าไปเปิดอ่านบันทึกตอนล่าสุด ที่ต่อเนื่องจากข้อเขียนที่ปรากฏใน E-book นี้ได้ทันที




หากท่านใดประสงค์จะ print ออกมาเก็บไว้อ่าน ท่านคงจะเป็นแฟนพันธุ์แท้พอสมควร เพราะจำนวนหน้าทั้งหมดคงจะทำให้ท่านต้องใช้กระดาษมากพอสมควร แต่สำหรับผู้ที่รักการอ่านหนังสือ ปริมาณเนื้อหาที่บันทึกไว้ จะทำให้ท่านได้ดื่มด่ำกับเนื้อหาต่างๆอย่างจุใจแน่นอน




ซึ่งเจ้าของ เนื้อหาก็ได้เขียนไว้ในเชิงอนุญาตให้จัดทำในรูปแบบนี้แล้ว แต่ออกในแนวที่ไม่แน่ใจนักว่า จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ จะดีมากน้อยเพียงใด และนี่คือ ความเห็นของเจ้าของ E-book แต่ละท่านครับ




ความคิดเห็นที่ 1


หุหุ อยากอยู่ค่ะ แต่ของศศิเรื่องที่มีสาระจริงๆมีน้อยค่ะ อายน้องเขาค่ะ เปิดมาอ่านจะตัดพ้อว่า เอาอะไรมาให้ตูอ่านเนี่ย อิอิอิ (แต่ถ้าน้องเขาจะคัดเอาแต่เรื่องที่มีสาระเนี่ยก็ยินดีค่ะ :))) )

โดย sazzie เมื่อ 27 ธันวาคม 2548 เวลา : 18:48



ความคิดเห็นที่ 2


ตาม สบายครับ เอิ้กๆๆๆ แต่รู้สึกเหมือน คห 1 ครับ เพราะเรื่องที่เขียนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีสาระ และไม่สามารถเอาไปใช้อ้างอิงได้ที่ไหนนะครับ อย่าเอาไปอ้างอิงเชียว อายเขา

โดย 3ป (cphucphu1) เมื่อ 28 ธันวาคม 2548 เวลา : 9:04



ความคิดเห็นที่ 3


ของ ดาวที่เขียนนี่อ่านคลายเครียด หรือทำให้เครียดมากขึ้นซะส่วนใหญ่ค่ะ 555 แต่ถ้าจะมีประโยชน์บ้างก็ยินดีนะคะ แล้วจะขอดูผลงานด้วยค่ะ สนับสนุน ^^

โดย alphabet เมื่อ 28 ธันวาคม 2548 เวลา : 10:30



ความคิดเห็นที่ 1


รับ ทราบและขอบคุณมากมายค่ะ ถ้าหากมีประโยชน์อยู่บ้างก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ ถือเป็นเกียรติอย่างสููง///

โดย nataya เมื่อ 25 มกราคม 2549 เวลา : 19:27




สำหรับเส้นทางการเดินทางจากบันทึกในเวบมานั้น ได้ถูกนำมาใช้เพื่อการเสริมทักษะการเรียนรู้ โดยได้มีการแบ่งงานให้กลุ่มเยาวชนที่สนใจการเรียนรู้กลุ่มหนึ่ง ได้ฝึกทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ เริ่มจากการ save ข้อมูล แล้วนำข้อมูลมาจัดรูปแบบ การจัดทำสารบัญเนื้อหา ทำปกหนังสือ และทำการแปลงไฟล์จาก Microsoft word เป็นรูปแบบของไฟล์ acrobat ซึ่งแต่ละคนที่ฝึกทักษะในส่วนนี้ ใช้เวลาถึง 1 เดือนเต็มกว่าจะจัดทำเป็น E-book ออกมาได้อย่างที่ปรากฏ



สิ่งที่ได้ตามมา คือ ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ของเด็กๆกลุ่มหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจากปริมาณงานที่ได้ ทำให้เกิดความชำนาญในการใช้โปรแกรมต่างๆมากขึ้น และสามารถฟันฝ่าอุปสรรค รวมทั้งชนะในตนเองได้ ที่สามารถทำงานเล็กๆชิ้นนี้ ให้สำเร็จได้ เพราะปริมาณงานที่มากจริงๆ




ถึงแม้จะเป็นชัยชนะเล็กๆ แต่ดูเหมือนว่า จะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กๆกลุ่มนี้




ที่สำคัญ ทุกคนมีโอกาสได้เรียนรู้ และซึมซับแนวคิดและมุมมองของเจ้าของบันทึกโดยไม่รู้ตัว เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการอ่านสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า รวมทั้งการนำไปเล่าสู่กันฟัง และแสดงความคิดเห็น เพื่อต่อยอดทางปัญญาของแต่ละคนอีกด้วย




จาก Mblog ที่หลายคนได้อ่าน บันทึกเหล่านั้น เมื่อกลายมาอยู่ในรูปแบบของ E-book ทำให้ผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำ ได้เกิดการแลปเปลี่ยนเรียนรู้ และฝึกทักษะต่างๆ และเกิดการเติบโตทางความคิดเพิ่มขึ้น



และผู้ที่สนใจ ก็สามารถที่จะดาวน์โหลดเอกสารเหล่านี้ ไปอ่านได้ทันทีครับ ไม่ต้องไปหาซื้อตามร้านหนังสือให้กระทบรายได้ของท่าน ปริมาณเนื้อหาก็เกินคุ้มครับ



ขอบคุณ เจ้าของบันทึกทั้ง 4 ท่าน คุณ alphabet, sazzie, cphucphu และ nataya ที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเรียนรู้


ขอให้คุณความดีของ E-book เหล่านี้ กลับไปสู่เจ้าของบันทึกทุกท่าน
ขอบคุณครับ



นายบอน




ดาวน์โหลดครับ

- alphabet หลงไหลในอักษร จำนวน 256 หน้า ขนาดไฟล์ 1.12 MB
- sazzie ไม่ได้เจ็บปวดแต่เสียใจ จำนวน 434 หน้า ขนาดไฟล์ 1.5 MB
- nataya น้ำใจยังอยู่ สู้ภัยสึนามิ จำนวน 325 หน้า ขนาดไฟล์ 1.6 MB
- cphucphu ความคิดเห็นกับสิ่งที่เป็นไป จำนวน 560 หน้า ขนาดไฟล์ 11.1 MB

Saturday, February 04, 2006

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 54 ถ่ายทำวีดีโอ เพื่อบ้านเกิด

อีกหนึ่งไอเดียเด็ดของคุณอำนาจ แห่ง หนองสรวงดอทเนตที่อยากจะทำเพื่อบ้านเกิด
การถ่ายทำวิดีโอภาพถ่ายต่างๆของบ้านเกิด พร้อมคำบรรยาย ลงในแผ่น VCD ออกจำหน่าย

"ตั้งเป้าไว้ว่า จะทำ VCD นี้ เพื่อชาวหนองสรวงทุกคนที่จากบ้านไปทำงานในที่ต่างๆ หรือไปอยู่ที่ต่างประเทศ จะได้เป็นสื่อที่เชื่อมโยงถึงท้องถิ่นที่เค้าจากมานาน เผื่อจะกระตุ้นสำนึกรักบ้านเกิดขึ้นมาบ้าง"

เขาเก็บเงินซื้อกล้องวิดีโอจนได้ เรื่องการถ่ายภาพวิดีโอนั้น เขาเคยทำงานเป็นนักข่าวท้องถิ่น และไปถ่ายภาพในงานต่างๆอยู่เรื่อย

"ทำออกมาแล้ว ก็จำหน่ายให้พี่น้องที่อยู่ที่ต่างๆ รายได้จากการจำหน่าย ก็เข้ากองทุนศิษย์เก่าเพื่อน้องทั้งหมด"
อุดมการณ์ยังมั่นคง แต่บางคนทักท้วง ไม่คิดจะหักค่าใช้จ่ายเลยหรือ

ทุกอย่างต้องลงทุนทั้งนั้น หากไม่หักต้นทุนออก เขาจะต้องควักไปเรื่อยๆ

กำไรที่ได้ก็เข้ากองทุน และเงินที่เขาควักให้เป็นทุน ก็เข้ากองทุน !!

"ทำออกขาย ก็ต้องคิดถึงแผ่นซีดีแต่ละแผ่น ราคากี่บาท ทำเสร็จก็ต้องไปส่งไปรษณีย์ ค่าซอง ค่าส่งอีกกี่บาท และกล้องวิดีโอที่ถ่ายลงม้วนเทป จะต้องเอาไปแปลงเป็นไฟล์เพื่อ write เป็น VCD อีก มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น"

หลายคนที่รู้เรื่อง ชักเป็นห่วง เพราะถ้ามองแต่ที่จุดหมายปลายทาง แต่ไม่ได้มองว่า ระหว่างทางสู่ปลายทางนั้น เงินที่จะต้องควักจากกระเป๋าตัวเองออกไปเรื่อยๆ จะทำให้เขาทำงานเพื่อสังคมได้ .. ไม่ยั่งยืน

"ถ้าวันไหนเริ่มรู้ตัวว่า เงินไม่พอใช้ อุดมการณ์ต่างๆจะต้องถูกเก็บใส่ลิ้นชักไว้"


ดูเหมือนว่า การทำงานชิ้นหนึ่งหากไม่มีการวางแผนที่ดี ก็เหมือนกับการออกเดินทางที่ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เสียเวลา ทุน และกำลังโดยสูญเปล่า

การทำ VCD ที่ว่านี้ น่าจะตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อกำหนดทิศทางที่ชัดเจนเสียก่อน

1. เป้าหมายในการทำ VCD เพื่ออะไร
2. จะเริ่มต้นอย่างไร
3. ประเด็นสำคัญในการทำ VCD อยู่ที่ไหน ต้องการนำเสนออะไร
4. กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อ คือใคร
5.จะประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ได้อย่างไร
6.การเผยแพร่ แจกจ่าย จะทำอย่างไร

6 ข้อนี้ เขาตอบได้เพียง 3 ข้อ เท่านั้น คือ ข้อ 1, 2, 4 เท่านั้น
ข้อที่เหลือ...
ไม่มีคำตอบจากสวรรค์


!!!!!%+/\/\=(0^นายบอน^0) yXy (bonbio21@hotmail.com)=/\/\+%!!!!!

3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 9:19:00 | Comments (1) | Printable Version



ความคิดเห็นที่ 1
ที่ จังหวัดเลย อาจารย์สังคม ทองมี ศิลปินภาพวาด กลับไปปักหลักและขนศิษย์เก่าร่วมท้องถิ่นกลับไปเปิดสอนวาดภาพให้เด็กๆที่ นั่นค่ะ ( ตัวอย่างนี้ไม่เกี่ยวกันกับเรื่องที่คุณบอนเขียนแต่ทำพื่อสร้างสรรค์บ้าน เกิดเหมือนกัน) ศศิสนับสนุนในการทำความดีเพื่อบ้านเกิดค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :)
โดย sazzie เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 10:07

Friday, February 03, 2006

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 54.5 ภารกิจกู้ชาติ 4 ก.พ.

ในโมงยามแห่งความตึงเครียด กับข่าวคราวต่างๆ
ที่ทำให้ความดันของผู้ใหญ่หลายคน พุ่งสูงปรี๊ดในช่วงเวลานี้

อีกไม่กี่อึดใจ ก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญที่ลานพระบรมรูป ในเวบผู้จัดการออนไลน์และ mblog ก็ขึ้นป้ายนับเวลาถอยหลังให้เห็นอยู่แล้ว


หลายคนที่นายบอนมีโอกาสพูดคุย อยากฝากถ้อยคำถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับ "ภารกิจกู้ชาติ 4 กุมภา"

ดังต่อไปนี้ครับ

1. ถึง..คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และคุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ ขอให้มีกำลังกาย และกำลังใจยืนหยัด ทำหน้าที่ให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ขอให้พระคุ้มครอง อย่าท้อนะครับ

2. ถึง..ทีมงานเวบไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ขอให้แสดงผีมือ เกาะติดรายงานข่าวสารต่างๆอย่างดีเยี่ยมยิ่งขึ้นกว่าเดิม สมกับที่ได้รับรางวัลจาก truehits.net ถึง 3 รางวัล ขอให้มีความคิดสสร้างสรรค์ใหม่ๆออกมาตลอดเวลาที่ต้องการ
แฟลชและภาพเคลื่อนไหวที่ทำออกมา โดนใจากๆครับ หลายคนเป็นกำลังใจให้ และจะติดตามการทำหน้าที่ของพวกคุณตลอดไปครับ ขอให้พระคุ้มครอง


3. ถึง..ทีมงาน ถ่ายทอดสด ASTV ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เกาะติดรายงานข่าวสารที่ไม่ถูกบิดเบือนออกมาให้พวกเราได้รับรู้ต่อไปนะครับ หลายคนอยากเห็นพี่น้องที่ไปร่วมชุมนุมอย่างสันติ อยากเห็นญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมชาติที่มีโอกาสไปเข้าร่วมในภารกิจสำคัญในครั้งนี้อย่างยิ่ง เพราะหลายคนที่กาฬสินธุ์ภูมิใจกับการเสียสละของผู้เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ เป็นอย่างมาก จึงอยากจะรับชมอย่างเต็มที่ครับ ขอให้พระคุ้มครองทีมงาน ASTV ด้วย และขอให้ยืนหยัดเปิดเผยความจริงตลอดไป


4. ถึง.. พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนๆ ญาติๆ ครู พระ จากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครู กลุ่มลูกศิษย์จากวัดป่าบ้านตาด และชาวต่างจังหวัดที่ร่วมใจกับมาในงานภารกิจกู้ชาติในครั้งนี้ ขอให้ปลอดภัยตลอดภารกิจครั้งนี้ อย่าได้โดนลูกหลงเป็นเหยื่อของมือป่วนเลยนะครับ ขอให้พระคุ้มครอง


5. ถึง.. บุคคลหลายๆท่านในฝ่ายรัฐบาล ขอให้ท่านใส่ใจดูแลความปลอดภัยของผู้มาร่วมภารกิจกู้ชาติทุกคนด้วยนะครับ เพราะทุกคนที่มาก็เป็นคนไทยทั้งนั้น หลายคนอาจเป็นญาติ เป็นเพื่อน พี่น้อง เพื่อนร่วมรุ่นกับคนในครองครัวของท่าน หลายคนมีอายุพอๆกับคุณพ่อ คุณแม่ของท่าน ถึงแม้ว่า ท่านนายกฯ และท่านรัฐมนตรีต่างๆจะไม่พอใจก็ตาม แต่หากคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้มีพระคุณของท่านนายกฯ และท่านรัฐมนตรีต่างๆ อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ท่านจะรู้สึกยังไงบ้าง ยังไงก็เอาใจใส่ดูแลประชาชนทุกคนหน่อยนะครับ



6 .ถึง...คณะบุคคลที่เตรียมจะเข้ามาป่วนในงานนี้ อย่าทำร้ายพ่อ แม่ ญาติพี่น้องเลยนะครับ หรือทำให้พ่อ แม่ ญาติพี่น้องทนไม่ไหว จนเกิดเหตุรุนแรงขึ้นมา เพราะเวรกรรมมีจริงนะครับ ท่านที่จะเป็นมือป่วน คงไม่อยากให้พ่อ แม่ ญาติ พี่น้องที่ท่านรัก ถูกใครมาป่วน จนเกิดเหตุรุนแรงกับคนในครอบครัวที่ท่านรักหรอกนะครับ ยังไงเราก็คนไทยด้วยกัน



7. ถึง ..ชาว mblog ที่มีโอกาสไปร่วมภารกิจกู้ชาติ .. ขอส่งแรงใจให้ทุกท่าน ยืนหยัดจนจบภารกิจสมดังความตั้งใจ และกลับมาเขียนเล่าแง่มุมต่างๆให้ได้อ่านใน mblog ด้วยนะครับ เหมือนกับที่ท่านได้เขียนให้อ่านเหมือนที่ผ่านๆมา จะรออ่านอย่างใจจดใจจ่อ ขอให้พระคุ้มครองทุกคน


8. ถึง..ชาว mblog ที่ไม่มีโอกาสได้ไปร่วมภารกิจกู้ชาติ 4 ก.พ. ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับภารกิจนี้ก็ตาม ก็ขอให้ชาว mblog ทุกท่าน ช่วยส่งแรงใจเกินร้อยให้กับตัวแทนชาว mblog ที่มีโอกาสเข้าร่วมในภารกิจนี้ด้วย เพราะเค้าเป็นคนที่เราคุ้นเคยกันดี ใน mblog อยู่แล้ว เพราะน้ำใจในหมู่บ้าน mblog มีอยู่เปี่ยมล้นอยู่เสมอ แม้ไม่ได้ไป จะแอบลุ้นเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆชาว mblog หรือจะสวดมนต์อวยพรให้ ก็เชิญได้ตามวิธีการของแต่ละท่านนะครับ



9. ขอให้พระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่งในเมืองไทย ช่วยปกปักษ์คุ้มครองคนไทยให้รักใคร่ สามัคคีกลมเกลียวกันมากขึ้น อย่าให้เกิดเหตุร้ายในปีมหามงคลของในหลวงขึ้นมาเลย และพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ การเอื้อประโยชน์ การทุจริตประพฤติมิชอบและเรื่องที่ไม่เข้าท่าเข้าทางต่างๆ ขอให้ถูกขจัดปัดเป่าไปให้พ้นๆเมืองไทยเสียที ผู้ที่ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังที่บรรพบุรุษได้พยายามรักษามาตลอดนั้น ขอให้ผู้นั้น แพ้ภัยตัวเอง
ขอให้สิ่งศักดิสิทธิ์ดลบันดาล ให้เกิดสิ่งที่ดีๆขึ้นในประเทศไทยบ้าง ขอให้ฝันร้ายในครั้งนี้ ผ่านไปเสียที

.. สาธุ

!!!!!%+/\/\=(0^นายบอน^0) yXy (bonbio21@hotmail.com)=/\/\+%!!!!!


3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 16:28:00 | Comments (5) | Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
เข้ามาสาธุด้วยคน // ขอให้ทุกอย่างจบลงด้วยความสงบเรียบร้อย // สาธุ
โดย lady เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 17:04

ความคิดเห็นที่ 2
เอาใจช่วยหน่วกู้ชาติด้วยครับ
โดย นุ เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 17:41

ความคิดเห็นที่ 3
ยัง ไม่ได้ตัดสินใจค่ะวาจะไปดูลาดเลาด้วยดีรึเปล่า รอหน่วยบอดี้การ์ดแจ้งมาก่อน อิอิ // ส่งใจไปให้ทุกฝ่าย ขอให้ชุมนุมโดยสงบ ขอให้ใช้สันติวิธี :)
โดย sazzie เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 18:12

ความคิดเห็นที่ 4
ขอให้สิ่งที่นายบอนหวัง จงเป็นจริงครับ :)
โดย milo2005 เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 20:05

ความคิดเห็นที่ 5
ฝากแรงอธิษฐานไปร่วมให้กำลังใจด้วยคนนะคะ
โดย คิมค่ะ ... เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 7:12

Thursday, February 02, 2006

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 53 มองหาโอกาส

คุณจุ๋ม คุณแม่ลูก 2 ผู้อยู่ในวัยสามสิบยังแจ๋ว ซึ่งสละโสดแต่งงานกับสามีในวัยไล่เลี่ยกัน
ที่จริงก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนปริญญาตรีมาด้วยกัน จีบกันตอนนั้น และลงเอยกันในตอนนี้

รักกันมาตั้งแต่อยู่ปี 1 จนตอนนี้ก็ร่วม12 ปีเข้าไปแล้ว
รักไม่มีเปลี่ยนแปลง ..จริงๆ

เธอต้องเลี้ยงลูกชายทั้ง 2 คนเอง สามีทำงานหาเงินที่ขอนแก่น หาคนเลี้ยงลูกไม่ได้ เลยไม่ได้ทำงาน แต่ก็พยายามหารายได้เสริม
ขายประกัน ขายกิฟฟารีน แอมเวย์

เพราะถ้าลูกโตขึ้น เข้าโรงเรียนเมื่อไหร่ ค่าใช้จ่ายเยอะมากขึ้น


เธอจะมองหาอาชีพเสริมอยู่ตลอด พยายามที่จะดิ้นรนหาช่องทาง คิดอยู่ตลอด

ยิ่งดิ้นรนมาก โอกาสที่จะพบกับความสำเร็จมากกว่า คนที่ไม่ค่อยดิ้นรน ไม่แสวงหาโอกาส

เธอกลับไปเยี่ยมบ้านที่ศรีสะเกษ เกิดปิ๊งไอเดียเด็ด โทรมาคุยกะพี่หน่อย รุ่นพี่ของนายบอน หลังจากวางสายไปแล้ว พี่หน่อยก็เล่าให้ฟัง

"จุ๋มเค้าอยากจะรับจ้างทำเวบไซต์ให้ อบต.ที่โน่น เลยโทรมาถามว่า จะคิดค่าใช้จ่ายยังไง เพราะทาง อบต.ตั้งงบมา 8000 บาท"

นายบอนหูผึ่ง ทำเวบไซต์ให้ อบต. ได้เหนาะๆตั้ง 8000
แล้ว อบต. มีไม่รู้ตั้งกี่แห่ง ทำที่กาฬสินธุ์ซัก 10 อบต. ก็รับทรัพย์ 8 หมื่น... โอววว น่าสน

" ที่จริงเรื่องเวบไซต์ สามารถเรียนรู้กันได้ แต่ทาง อบต.คงจะไม่มีเวลาทำ พี่เลยอธิบายให้ค้าฟัง จะมีค่าใช้จ่ายคือ ค่าจดโดเมน ประมาณ 400 บาท ค่าเช่าเซิฟเวอร์ อันนี้แล้วแต่ package ที่เค้าจัดให้ เอาราคากลางๆ เนื้อที่เวบไซต์ 100 MB ซัก 1200 บาท รวมแล้ว ต้นทุน 1600 บาทแล้ว"

อึม หักต้นทุนแล้ว ได้กำไรตั้ง 6400 บาท ยังไงก็คุ้ม

"ทีนี้ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็จะต้องคิดรวมเข้าไป ตั้งแต่ค่าออกแบบหน้าตาเวบไซต์ layout ต่างๆ ค่าติดตั้งโปรแกรมต่างๆ เช่น กระดานข่าว อีเมล์ ก็บวกเข้าไป ค่าลงข้อมูลก็บวกเข้าไป ถ้าข้อมูลของหน่วยงานมีเยอะ เช่นมีหลายร้อยไฟล์ ก็ลองไปคำนวณดูจะคิดไฟล์ละกี่บาท เขียนแจกแจงรายการออกมาเป็นใบเสนอราคา"

ป๊าด!!! ทำไมดูยุ่งยากงั้นล่ะ

"พอทำให้แล้ว จะคิดค่าบำรุงรักษา ค่า update ในส่วนต่างๆก็ได้ คิดไปว่าจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่ ถ้าทาง อบต. อยากทำเป้นทุกอย่าง อยากให้สอนให้ ก็เขียนโครงการอบรม คิดเป็นหลักสูตร ทั้งค่าตำรา ค่าวิชาที่สอน เป็นค่าใช้จ่ายออกมา ถ้าวางระบบไว้ดี ก็หาลูกค้าไปเรื่อยๆ รับทรัพย์ไปเรื่อยๆ"


โห มุมมองทางธุรกิจเค้าคิดกันได้ถึงขนาดนี้เลยหรือครับ นายบอนไม่นึกว่า จะสามารถหาขุมทรัพย์จากการทำเวบไซต์ให้ อบต. ได้ถึงขนาดนี้นะเนี่ย

ยิ่งแสวงหาโอกาส ยิ่งมีโอกาสที่จะพบช่องทางใหม่ๆได้ก่อนใคร


!!!!!%+/\/\=(0^นายบอน^0) yXy (bonbio21@hotmail.com)=/\/\+%!!!!!

2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 9:19:00 | Comments (2) | Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
โอกาส...สร้างงาน สร้างอนาคต...ให้ทุกคนเสมอค่ะนายบอน
โดย บี เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 10:41

ความคิดเห็นที่ 2
หว้า.....ยุ่งยากจริงๆด้วยหละ แต่มีงานมีเงินมีเพื่อนค่ะ
โดย humenzoo เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 11:09

Wednesday, February 01, 2006

ระหว่างทางสู่ปลายทาง # 52 ทำบุญต่ำสิบ

"เห็นคนเค้าบริจาคทำบุญในงานการกุศล ในทีวีมั่ง คนร้อยบาท พันบาท บางคนเป็นหมื่น อยากทำบุญมั่งน่ะ แต่ไม่ค่อยมีตังค์"

"ถ้าจะบริจาคซัก 10 บาท จะได้มั้ย"

แหม เรื่องทำบุญเนี่ย จะทำเท่าไหร่ ความสุขที่ได้อยู่ที่ใจนี่นา
"คนที่ออกชื่อ บริจาคตั้งหลายพันบาท ที่ไม่ประสงค์จะออกนามก็บริจาคเป็นร้อย แล้วพวกเราบริจาค 10 บาท เค้าจะไม่ว่าเหรอ"

เวลาที่มีการบริจาค หากคนส่วนใหญ่บริจาคหลักร้อย หลักพัน พอมีผู้ไม่ประสงค์จะออกนามบริจาคน้อยๆ ก็เกิดเสียงซุบซิบนินทามาทันที "จะทำบุญก็ยังงกอีกว่ะ"

บางคนก็ยังพะวงกับขี้ปากชาวบ้าน กลัวว่า เค้านินทาแล้ว จะนอนไม่หลับ แทนที่ทำบุญแล้วจะสุขใจ แต่กลับทุกข์ใจเพราะกลัวถูกซุบซิบนินทาอย่างว่า

"อะไรวะ เรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้ ยังมีด้วยเหรอเนี่ย" นายบอนชักไม่อยากจะเชื่อหู เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้
"ชาวบ้านบางคนแถวชุมชนวัดสว่างก็พูดมากแบบนี้แหละ จะทำอะไรต้องรักษาภาพพจน์ไว้หน่อย"

แต่ก็มีหลายคน ที่รำคาญกลุ่มที่ซุบซิบอย่างว่า เลยอยากจะทำบุญแบบที่ไม่ต้องให้พวกนี้รับรู้
อยากจะทำบุญแล้วรู้สึกสุขใจจริงๆ เพียงแต่มีกำลังทรัพย์เพียงสิบบาท!!!


พี่หน่อยที่อยู่แถวๆนั้น เลยหาทางออกให้ หยิบข่าวชิ้นหนึ่งมาพูดให้ทุกคนฟัง


มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เป็นองค์กรที่ให้การศึกษา เลี้ยงดูเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส ผสมกับการซึกาอบรมธรรมะ พัฒนาจิตใจเด็กกำพร้า ยากจน และด้อยโอกาสมาตั้งแต่ปี 2527 มีพระสงฆ์เป็นผู้ดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคนในชุมชน ใช้หลักวัดพึ่งบ้าน บ้านพึ่งวัด

มูลนิธิมีโครงการเพื่อเด็กด้อยโอกาส อุปการะทั้งอาหาร การศึกษาในชุมชนเมืองและชนบทถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเป็นเด็กกลุ่มอายุ 2-24 ปี จำนวน 2102 คน มีโครงการเพื่อเด็ก 13 โครงการ


มูลนิธิรับบริจาคปัจจัยต่างๆจากศรัทธาของประชาชนทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องเขียน ทุนการศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาก็พอบ้าง ไม่พอบ้าง ก็ต้องช่วยกันไปตามมีตามเกิด และจะมีข่าวจากทางมูลนิธิทุกปีว่า แต่ละปีไม่มีปัจจัยต่างๆเพียงพอ ทำให้หลายคนมองว่า เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ มีแต่ข่าวขอรับบริจาคซ้ำๆซากๆ แต่ในสภาพความเป็นจริง ก็ต้องทำสิ่งเหล่านี้ต่อไป

เด็กๆเหล่านี้ ไม่มีโอกาส หากใครมีของเหลือกินเหลือเก็บ ขอเชิญบริจาคได้ที่มูลนิธิได้เลย



"เป็นโครงการที่ดีนะพี่ แต่พวกเราคงช่วยอะไรได้ไม่มาก แค่เงินสิบบาท คงจะช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก ซื้อของไปให้ ตังค์ก็ไม่พอแล้วล่ะ"

"ใครว่าล่ะ แค่ 10 บาทก็บริจาคได้"
นายบอนหูผึ่งทันที จะเป็นไปได้ยังไง แค่จะส่งธนาณัติก็ไม่พอแล้ว จะโอนเข้าบัญชี ก็เกินค่าธรรมเนียมในการโอนซะแล้วสิ


"ที่จริงถ้าพวกเราอยู่ใน กทม. ก็กดโอนเงินทางบัตร ATM จะโอน 1 บาท หรือ 2 บาทก็ได้ เค้าไม่ได้จำกัดขั้นต่ำในการโอนนี่ และใน กทม.ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนระหว่างธนาคารเดียวกันในกรุงเทพ ถ้าต่างจังหวัดจะเสียค่าโอนระหว่าง 20-35 บาท"

มีด้วยหรือ กด ATM เพื่อโอนเงิน 1 บาท
"ไม่สังเกตหรือ เวลาที่ธนาคารให้ดอกเบี้ยเงินฝากตอนปลายปี อย่างของพี่ได้ 107.35 บาท เค้ายังให้มาได้ .35 สตางค์ ยังให้ไม่เต็มบาทมาได้เลย"

แต่พวกเราอยู่ที่กาฬสินธุ์นี่นา ไม่ใช่ กทม.

"ไม่มีปัญหา เดี๋ยวโทรไปกริ๊งเดียวให้พี่สาวที่ กทม. กดโอนให้เลย 10 บาทใช่มะ"

โห เอาจริงนี่หว่า


"หรือวิธีง่ายๆ ก็บริจาคเป็นสิ่งของ เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน ส่งพัสดุไปรษณีย์แบบธรรมดา ไม่ต้องลงทะเบียน เสื้อผ้ายิ่งน้ำหนักเบา ค่าส่งคงไม่เกิน 20 บาท"

... สรุปแล้วก็เลยรวบรวมเงินคนละนิดละหน่อย เป็นค่าส่งพัสดุไปรษณีย์ไปที่มูลนิธิ โดยการบริจาคเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้วไปที่มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน


แหม คุยกันเล่นๆ ปัญหาที่นึกว่ายาก แต่กลับมีทางออกที่นึกไม่ถึงมาก่อน


ท่านใดที่อยู่ใน กทม. ช่วงไหนว่างๆ จะเดินไปกดโอนเงินจากบัตร ATM คนละ 1 บาท 5 บาท หรือ 10 บาท ก็บริจาคไปเลยนะครับ แค่ค่ารถเมล์ หรือค่ากาแฟ 1 แก้ว อาจจะช่วยเด็กที่ด้อยโอกาสได้เช่นกัน....

เหมือนที่นายบอนก็พึ่งจะรู้ในตอนนี้แหละครับ



ยังไงก็มาร่วมทำบุญพร้อมกะนายบอนและเพื่อนๆนคนละ 1 บาท 2 บาทนะครับ


มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน
วัดบางไส้ไก่ ซอยมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ถ.อิสรภาพ ซอย 15 เขตธนบุรี กทม. 10600
โทร 0-2465-6165, 0-2472-4212, 0-1489-3699 แฟกซ์ 0-2472-421

โอนเข้าบัญชี "มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน" ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเจริญพาศน์
เลขที่บัญชี 126-0-361512 ประเภทสะสมทรัพย์

!!!!!%+/\/\=(0^นายบอน^0) yXy (bonbio21@hotmail.com)=/\/\+%!!!!!

1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 9:18:00 | Comments (4) | Printable Version

ความคิดเห็นที่ 1
แค่มาบอกบุญก็ได้บุญแล้วค่ะคุณบอน ขอบคุณมากๆ นะคะ จะโทรบอกคุณแม่ที่เมืองไทยให้ช่วยทำบุญด้วยค่ะ
โดย nataya เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 10:14

ความคิดเห็นที่ 2
เมื่อ วันก่อนเดินข้ามสะพานลอย เจอคนตาบอดร้องเพลง ศศิก็ใส่ให้เขาไปยี่สิบค่ะ ชอบเพราะแม้หลายๆคนจะเรียกเขาว่าขอทาน แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ไปจี้ปล้น "ไปคดโกง" ใครเขากิน
โดย sazzie เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 11:57

ความคิดเห็นที่ 3
ดีจังเลยค่ะ ขอให้ผลบุญหนุนส่งนะคะ ^^
โดย alphabet เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 14:22

ความคิดเห็นที่ 4
ช่วย ๆ กัน ^^
โดย fakeangel เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา : 17:18